Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

สี จิ้นผิง เล็งใช้ “ระบบแห่งชาติใหม่” สู้ศึก AI แนวรบใหม่ต้านสหรัฐฯ ดันนโยบายพึ่งพาตนเอง

Date Time: 28 เม.ย. 2568 12:26 น.

Summary

  • จีน ประกาศใช้ “ระบบแห่งชาติแบบใหม่” (New Whole National System) กำจัดคอขวดในเทคโนโลยีสำคัญเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่ง ตั้งเป้าดันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีแกนหลัก รวมไปถึงชิปขั้นสูงและฮาร์ดแวร์ที่สำคัญ ๆ เพื่อหวังขึ้นแซงหน้าสหรัฐฯ และขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้าน AI หลังจากนี้

จีน ประกาศใช้ “ระบบแห่งชาติแบบใหม่” (New Whole National System) กำจัดคอขวดในเทคโนโลยีสำคัญเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่ง ตั้งเป้าดันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีแกนหลัก (Core Technology) รวมไปถึงชิปขั้นสูงและฮาร์ดแวร์ที่สำคัญ ๆ เพื่อหวังขึ้นแซงหน้าสหรัฐฯ และขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้าน AI หลังจากนี้

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศระดมทรัพยากรทั่วประเทศ เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างการประชุมศึกษานโยบายของคณะกรมการเมือง (Politburo) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดยสื่อทางการของจีน ได้มีรายงานเมื่อวันเสาร์ด้วยว่า จีนจะใช้ระบบแห่งชาติแบบใหม่ ซึ่งระบบนี้คือ แนวคิดที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำมาใช้ เพื่อระดมทรัพยากรทั้งด้านนโยบาย สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา งบประมาณภาครัฐ นโยบายภาษี และการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล รวมถึงกลไกอื่น ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ

ในระหว่างการประชุม สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า “เราต้องตระหนักถึงช่องว่างด้านเทคโนโลยี และเร่งเดินหน้าผลักดันนวัตกรรมอุตสาหกรรม การประยุกต์ใช้ AI และการสร้างระบบกำกับดูแลอย่างรอบด้าน” พร้อมย้ำว่า “จีนควรเสริมสร้างการวิจัยขั้นพื้นฐาน และทุ่มเททรัพยากรไปที่การพิชิตเทคโนโลยีหลัก เช่น ชิปขั้นสูงและซอฟต์แวร์พื้นฐาน เพื่อสร้างระบบฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ AI ที่เป็นอิสระ ควบคุมได้ และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ย้ำ AI ต้องปลอดภัย ควบคุมได้และขยายไปทุกสนาม

สี จิ้นผิง ยังกล่าวอีกว่า เมื่อจีนมีระบบ AI ที่แข็งแกร่งแล้ว ต้องใช้ AI เป็น “พลังนำ” เพื่อปฏิวัติรูปแบบการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเร่งสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีในหลากหลายสาขา และเน้นย้ำต่ออีกว่า การสนับสนุนนโยบายถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา AI และจีนต้องใช้เครื่องมือทางนโยบายหลายรูปแบบอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การให้ทุนสนับสนุน การลดภาษี ไปจนถึงการกระตุ้นภาคเอกชนให้มีบทบาทในระบบนิเวศ AI

นอกจากนี้ยังชี้ว่าจีนควรส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับ AI ในทุกระดับ ทั้งการเรียนการสอน งานวิจัย และการสร้างเส้นทางอาชีพใหม่ ๆ เพื่อบ่มเพาะบุคลากร AI ชั้นนำให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต

และแม้ว่าจะย้ำถึง “โอกาสพัฒนาแบบไม่เคยมีมาก่อน” ที่ AI จะนำมาให้ แต่สี จิ้นผิง ก็เตือนด้วยว่า เทคโนโลยีนี้ก็แฝงไปด้วย “ความเสี่ยงและความท้าทายแบบไม่เคยมีมาก่อน” เช่นกัน พร้อมกับเรียกร้องให้จีนเร่งจัดทำและปรับปรุงกฎหมาย มาตรฐานจริยธรรม ข้อกำหนดการใช้งาน และนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ให้เร็วที่สุด เพื่อสร้าง “ระบบติดตาม เตือนภัย และรับมือฉุกเฉิน” เพื่อให้ AI มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และสามารถควบคุมได้

เปิดฉาก Huawei เตรียมทดสอบชิป AI รุ่นใหม่ หวังแทนที่ Nvidia

ขณะเดียวกันที่ภาคเอกชนก็มีบทบาทในการยกระดับการแข่งขันที่เข้มข้นเช่นเดียวกัน เช่น Huawei Technologies ก็กำลังเตรียมทดสอบชิป AI รุ่นใหม่ที่ทรงพลัง โดยตั้งเป้าว่าจะใช้ชิปนี้ทดแทนผลิตภัณฑ์ของบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Nvidia

การเดินหน้าครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน ที่แม้จะเผชิญแรงกดดันหนักหน่วงจากนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามสกัดการเติบโตของเทคโนโลยีจีน รวมถึงการสั่งห้ามไม่ให้จีนเข้าถึงอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูงจากตะวันตก

The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนว่า Huawei ได้เริ่มติดต่อบริษัทเทคโนโลยีในจีนหลายแห่ง เพื่อหารือเกี่ยวกับการทดสอบความเป็นไปได้ของชิปใหม่ที่มีชื่อว่า “Ascend 910D” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาชิปให้ตอบโจทย์การใช้งานด้าน AI ที่ปัจจุบัน Nvidia ครองตลาดอยู่

ทั้งนี้ กระบวนการพัฒนายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และจำเป็นต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน เพื่อประเมินประสิทธิภาพของชิป และเตรียมความพร้อมก่อนวางจำหน่ายให้กับลูกค้าต่อไป

จีน-สหรัฐฯ ยังแข่งเดือด

ทั้งนี้นับตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2022 จีนและสหรัฐฯ ต่างก็เปิดศึกชิงความเป็นผู้นำด้าน AI อย่างร้อนแรง เพราะต่างมองว่านี่คือ แนวรบใหม่ในศึกแข่งขันความสามารถทางเศรษฐกิจระดับโลก

ย้อนกลับไปในปีที่แล้ว สี จิ้นผิง เคยแสดงจุดยืนว่า การพัฒนา AI ไม่ควรกลายเป็น “เกมของชาติร่ำรวยและชนชั้นเศรษฐี” พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการสร้างกฎเกณฑ์และความร่วมมือระดับนานาชาติในการกำกับดูแลเทคโนโลยี AI ร่วมกันอย่างเท่าเทียม

และแม้ว่าความหวังของจีนจะถูกท้าทายอย่างหนักจากมาตรการจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงจากสหรัฐฯ แต่ตลอดปีที่ผ่านมา จีนก็สามารถไล่คู่แข่งและช่องว่างด้าน AI ให้แคบลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเปิดตัว DeepSeek R1 แชตบอตจากสตาร์ทอัพจีนเมื่อต้นปี ซึ่งสร้างความฮือฮา เพราะทำผลงานได้ใกล้เคียงกับคู่แข่งฝั่งสหรัฐฯ แต่ต้นทุนต่ำกว่ามาก

ขณะเดียวกัน สองยักษ์ใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯ ก็ยังขัดแย้งกันในศึกการค้าระลอกใหม่ เมื่อสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 145% หลายรายการ ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 125%

ที่มา: Bloomberg, ReutersSCMP

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)