ในขณะที่นักลงทุนยังคงมองหาวิธีต่อยอดจากกระแส AI ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น “หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์” หรือ “Humanoid Robots” กำลังกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ภายในสิ้นทศวรรษนี้ หุ่นยนต์ลักษณะนี้อาจเริ่มเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม
“การพัฒนา AI แบบ Generative ช่วยให้หุ่นยนต์เข้าใจโลกแบบ 3 มิติ วางแผนการเคลื่อนไหว และมีปฏิภาณคล้ายมนุษย์มากขึ้น” Rev Lebaredian รองประธานของ Nvidia กล่าว พร้อมเสริมว่า หุ่นยนต์ลักษณะนี้จะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างของแรงงานในยุคที่ทั่วโลกขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในภาคค้าปลีก คลังสินค้า และการผลิต
นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า ตลาดหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์จะใหญ่กว่าตลาดรถยนต์ไร้คนขับเสียอีก แม้บริษัทอย่าง Tesla ที่ทั้งผลิตยานยนต์อัตโนมัติและหุ่นยนต์ แต่มูลค่าของธุรกิจหุ่นยนต์ยังไม่สะท้อนให้เห็นตัวเลขที่ชัดเจน เนื่องจากตลาดนี้ยังถูกมองว่าอยู่ในขั้นเริ่มต้น นี่จึงกลายเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่อยากเข้าร่วมตั้งแต่ต้นทาง และยิ่งไปกว่านั้น การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดี อาจเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจอัตโนมัติเหล่านี้ยิ่งเติบโตมากขึ้นจากนโยบายส่งกลับแรงงานต่างชาติ
โดยมีตัวเลขคาดการณ์จากสถาบันและนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์อัตโนมัติในตลาดแรงงานออกมาหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น
นอกจากนี้ ด้าน Morgan Stanley ยังเชื่ออีกว่า หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์จะกลายเป็นโอกาสระดับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอนาคต เพราะสามารถนำมาใช้แทนแรงงานในงานซ้ำซากและงานอันตรายได้อย่างแพร่หลาย
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า การทดแทนแรงงานมนุษย์ในสหรัฐฯ จะเริ่มเห็นผลจริงในปี 2030 ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วที่ลุยด้านนี้มีเพียงไม่กี่ราย ยกตัวอย่างเช่น XPeng, Nvidia, Tesla และ Xiaomi ขณะที่สตาร์ตอัพหน้าใหม่ก็เริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ
XPeng หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน กำลังกลายเป็นผู้นำของเทรนด์ AI ล่าสุด โดยนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า XPeng ได้โชว์ศักยภาพของหุ่นยนต์รุ่นที่ 2 ที่ชื่อว่า Iron ซึ่งมีข้อต่อกว่า 60 จุดและองศาการเคลื่อนไหวถึง 200 องศาพร้อมกับใช้ชิปของ XPeng เองในการควบคุม
นอกจากนี้ หลังจากการเปิดตัวหุ่นยนต์รุ่นแรก PX5 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 มูลค่าหุ้นของบริษัทก็ได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้โชว์ศักยภาพใน AI Tech Day ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์สหรัฐ และแม้ยอดขายรถจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว แต่ XPeng ยังมีแผนผลิตภัณฑ์แข็งแกร่ง อย่างเช่น รถบินได้ eVTOL และระบบขับขี่อัตโนมัติอีกด้วย
ในด้านของ Xiaomi ได้ทำการเปิดตัวหุ่นยนต์ CyberOne ไปเมื่อปี 2022 ที่สามารถรับรู้และจดจำพื้นที่แบบ 3 มิติและแสดงอารมณ์ได้หลากหลาย ทั้งสุขและเศร้า โดยทาง Morgan Stanley ระบุว่าหุ่นยนต์จีนหลายรุ่นก้าวหน้ามาก เพราะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นระบบ
จีนคือผู้ผลิตหุ่นยนต์อันดับหนึ่งของโลก และยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้านหุ่นยนต์มากถึง 78% ของโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดสำนักข่าว Xinhua ก็ได้รายงานออกมาว่า รัฐบาลท้องถิ่นในจีนได้ออกนโยบายผลักดันเทคโนโลยีหุ่นยนต์จนถึงปี 2029 อีกด้วย
ในฝั่งของสหรัฐอเมริกา ทาง Tesla ก็กลายเป็นบริษัทที่ได้เปรียบจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมามีบทบาททางการเมือง โดยทางนักวิเคราะห์มองว่า การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเข้ามาช่วยผลักดันห่วงโซ่อุปทานด้านหุ่นยนต์ คล้ายกับที่เคยสนับสนุนอุตสาหกรรมชิป ซึ่งอาจทำให้ Tesla เร่งพัฒนาได้เร็วขึ้น
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla เคยกล่าวว่าหุ่นยนต์ Optimus ของ Tesla อาจช่วยให้มูลค่าตลาดของบริษัทพุ่งถึง 25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะถูกวิจารณ์ว่าหุ่นยนต์ยังต้องควบคุมโดยมนุษย์ในเดโมล่าสุดอยู่
ซึ่ง Deutsche Bank และนักวิเคราะห์ ยังเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ของทรัมป์อาจยิ่งเร่งการพัฒนาให้ Tesla ได้เปรียบในการผลิตหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในอนาคต
ที่มา: Morgan Stanley Research, CNBC
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney