ลาซาด้า (Lazada) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าดังขยายบริการ “ส่งเร็วพิเศษ (Priority Delivery)” ในพื้นที่ 23 จังหวัดทั่วไทย ชูจุดขายรับสินค้าทันใจภายในวันถัดไปหลังสั่งซื้อ ผ่านการใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติในศูนย์โลจิสติกส์แห่งใหม่บนถนนเทพารักษ์ ทำให้คัดแยกพัสดุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
โดยศูนย์คัดแยกสินค้าเทพารักษ์แห่งใหม่สามารถรองรับพัสดุจำนวนมหาศาลด้วยพื้นที่กว่า 35,000 ตารางเมตร พร้อมเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติในการจัดเรียง คัดแยก และบรรจุพัสดุลงถุงเพื่อไปยังสถานีปลายทางต่างๆ
ซึ่งสามารถช่วยคัดแยกพัสดุได้ถึง 75% ลดการใช้กำลังคนเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยก ช่วยให้ลาซาด้าสามารถคัดแยกสินค้าได้รวมแล้วกว่า 2 ล้านชิ้นต่อวัน แม้ในช่วงเมกะแคมเปญก็สามารถรับมือกับพัสดุจำนวนมากกว่าปกติได้ด้วยการเพิ่มกำลังการคัดแยกจากการวางแผนงานและกำลังคนล่วงหน้า
ด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มความแม่นยำในการคัดแยกพัสดุยังช่วยให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว รวมถึงช่วยลดแรงกระแทกในกระบวนการคัดแยกซึ่งลดความเสี่ยงที่พัสดุจะเสียหายก่อนถึงมือลูกค้า
สำหรับบริการ “ส่งเร็วพิเศษ” ของลาซาด้า ผู้ซื้อจะได้รับสินค้าภายใน 2 วันทำการหากสั่งสินค้าที่จัดส่งโดยลาซาด้าก่อนเวลา 2 ทุ่ม จากร้านค้า LazMall หรือ ร้านค้าแนะนำ (LazPick) และผู้ขายมาร์เก็ตเพลสที่เข้าร่วมบริการ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ปัจจุบันให้บริการครอบคลุม 23 จังหวัดสำคัญทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี และนครราชสีมา โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีสัญลักษณ์บริการส่งเร็วพิเศษได้จากหน้าเพจสินค้า หรือเลือกผ่านตัวกรองในหน้าค้นหาสินค้าได้เลย
นอกจากนี้ยังมีบริการส่งภายในวันถัดไป (Next Day Delivery) สำหรับคำสั่งซื้อกับร้านค้าที่ใช้บริการ Fulfillment หรือบริการจัดเก็บ บรรจุ ตลอดจนจัดส่งสินค้ากับทางลาซาด้า เพิ่มความเร็วในการรับสินค้าได้ทันทีในวันถัดไป
ด้าน เจมส์ มาร์แชนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายโลจิสติกส์ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ลาซาด้าเชื่อว่าอีโคซิสเต็มด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมและทันสมัย ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้อีคอมเมิร์ซเติบโตได้อย่างยั่งยืน ลาซาด้า โลจิสติกส์ ให้ความสำคัญกับการส่งมอบบริการที่รวดเร็วและไร้รอยต่อ ซึ่งรวมถึงการยกระดับศูนย์โลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไปจนถึงการนำเสนอบริการ ‘ส่งเร็วพิเศษ’ ซึ่งเป็นตัวเลือกในการจัดส่งสินค้าสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการได้รับสินค้าเร็วยิ่งขึ้น”
พร้อมกล่าวเสริมว่า “เราพบว่าลูกค้าที่ได้ใช้บริการส่งเร็วพิเศษมีแนวโน้มที่จะมีความพึงพอใจต่อการซื้อสินค้าชิ้นนั้นๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการยกเลิกคำสั่งซื้อโดยรวมต่ำลง และทำให้ยอดขายของแบรนด์เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลาซาด้าสามารถขยายบริการส่งเร็วพิเศษได้อย่างต่อเนื่อง คือ การมีศูนย์คัดแยกสินค้าในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย”
ทั้งนี้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในไทยยังมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2022 มียอดขายสินค้าออนไลน์โดยรวม (Gross Merchandise Volume: GMV) อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 7.9 แสนล้านบาท) และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบรายปี และในปี 2025 มีการคาดการณ์ยอดขายสินค้าโดยรวมว่าจะแตะ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท)