หากกล่าวถึงกระแส AI เรียกได้ว่า คนทั่วไปและองค์กรธุรกิจได้รู้จักกับเทคโนโลยี Generative AI อย่างรวดเร็วภายในครึ่งปีหลังจาก ChatGPT เปิดตัว โดยหลังจากผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ไปแม้ว่ากระแสของ AI และแชตบอตอัจฉริยะจะดูเงียบลง แต่มีผลสำรวจหลายแห่งที่บ่งชี้ว่า บริษัทหลายแห่งเริ่มดำเนินการประยุกต์ใช้ Generative AI กับธุรกิจ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่เริ่มหันมาใช้เครื่องมือ AI ในการทำงาน เช่น มีการใช้ปรับปรุงเนื้อหาในสื่อหรือสร้างโค้ด ช่วยปรับการดำเนินธุรกิจและกระบวนการทางไอทีให้เป็นแบบอัตโนมัติ
Gartner เปิดเผยผลสำรวจผู้นำธุรกิจจำนวน 2,500 ที่พบว่า องค์กรกำลังจัดงบประมาณเพื่อเรียนรู้และลงทุนใน Generative AI และขบคิดอย่างหนักว่าจะเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ใด ควรเริ่มใช้เมื่อใด รวมถึงเรียนรู้วิธีการลดความเสี่ยงที่จะมาพร้อมเทคโนโลยีนี้ เช่น ปัญหาความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และจริยธรรม
ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริหารกว่า 45% เปิดเผยถึงการตื่นตัวจากกระแส ChatGPT ที่ได้กระตุ้นให้พวกเขาเพิ่มการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยผู้บริหารเหล่านี้เห็นว่า Generative AI มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง นอกจากนี้ 70% บอกว่าองค์กรของตนอยู่ในช่วงของการสำรวจและศึกษา Generative AI ขณะที่ 19% นั้นอยู่ในช่วงของการทดลอง หรือในช่วงของการผลิต โดยปัจจัยหลักในการลงทุน Generative AI คือประสบการณ์ลูกค้า
กว่า 38% ระบุว่า ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer experience) คือ หัวใจหลักที่ผู้บริหารให้ความสำคัญสำหรับการลงทุนใน Generative AI โดยอีก 17% บอกว่า การเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน (Cost Optimization) คือ เป้าหมายหลักที่เลือกลงทุน Generative AI
แบบสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดเว็บบินาร์ของการ์ทเนอร์ช่วงระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน 2566 ซึ่งผลสำรวจนี้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ข้อมูลระดับโลก หรือภาพรวมของตลาด.