เส้นทางรักคริปโตฯ ของทรัมป์ รวม 5 เหรียญ ตั้ง "กองทุนสำรองแห่งชาติ" จะให้อเมริกาเป็นศูนย์กลางโลก

Date Time: 3 มี.ค. 2568 12:57 น.

Summary

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแผนผลักดันให้สหรัฐอเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางคริปโตฯ ของโลก” ลงนามเปิด “Crypto Strategic Reserve” หรือ “กองทุนสำรองคริปโตฯ แห่งชาติ” ที่รวมเหรียญอย่าง Ripple (XRP), Solana (SOL), Cardano (ADA), Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) และหลังประกาศดันมูลค่าเหรียญทั้ง 5 พุ่ง

ย้อนรอยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับการพลิกเกมจากที่เคยมองว่าคริปโตเคอร์เรนซี่เป็น “สแกม” สู่ “ลูกรัก” ล่าสุด ประกาศแผนผลักดันให้สหรัฐอเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางคริปโตฯ ของโลก” พร้อมลงนามเปิด “Crypto Strategic Reserve” หรือ “กองทุนสำรองคริปโตฯ แห่งชาติ” ที่รวมเหรียญอย่าง Ripple (XRP), Solana (SOL), Cardano (ADA), Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH)

หลังจากประกาศคำสั่ง ดันมูลค่าคริปโตฯ ทั้ง 5 เหรียญพุ่งขึ้น โดย XRP มูลค่าพุ่งขึ้น 30%, Solana กระโดดขึ้น 21%, Cardano ทะยานขึ้น 61%, Bitcoin พุ่งขึ้น 9% และ Ethereum เพิ่มขึ้น 12%

กองทุนสำรองคริปโตฯ คืออะไร?

โดยปกติแล้ว “กองทุนสำรองเชิงกลยุทธ์” หรือ “Strategic Reserve” คือ ทรัพยากรที่รัฐบาลสำรองไว้เพื่อใช้ในช่วงวิกฤติหรือภาวะขาดแคลน โดยสหรัฐฯ เคยมี Strategic Petroleum Reserve ซึ่งเป็นคลังสำรองน้ำมันขนาดใหญ่ แต่ครั้งนี้ทรัมป์กำลังสร้างกองทุนสำรองสำหรับคริปโตฯ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ทรัมป์ได้ออกมาโพสต์บน Truth Social ของตัวเองว่า “คำสั่งพิเศษเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านคริปโตฯ ของประธานาธิบดี ดำเนินการจัดตั้ง Crypto Strategic Reserve ซึ่งจะรวมเหรียญ XRP, SOL และ ADA และจะทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็น Crypto Capital of the World”

เอกสารการยื่นขออนุญาตทางกฎหมายในสหรัฐฯ เผยว่า นอกจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์แล้ว ธนาคารและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติก็เริ่มเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

กองทุนนี้อาจถูกจัดตั้งขึ้นผ่าน Exchange Stabilization Fund (ESF) หรือ กองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งสามารถใช้ในการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

นอกจากนี้ ยังมีรายงานออกมาอีกว่า กลุ่มที่ปรึกษาด้านคริปโตฯ ของทรัมป์เคยพิจารณาแนวทางที่จะใช้คริปโตฯ ที่ถูกยึดจากคดีอาชญากรรมมาเป็นจุดเริ่มต้นของคลังสำรองอีกด้วย

การเมืองและคริปโตฯ

ย้อนกลับไปปี 2019 โดนัลด์ ทรัมป์เคยโพสต์บน Twitter ว่า “ผมไม่ใช่แฟนของ Bitcoin หรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ เพราะมันไม่ใช่เงินจริง และมูลค่าก็ผันผวนเกินไป”

แต่หลังจากเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อปี 2024 ทรัมป์กลับหันมาสนับสนุนคริปโตฯ เต็มตัว ถึงขนาดเปิดตัวโครงการ “World Liberty Financial” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธนาคารคริปโตฯ ของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่า “ถ้าอเมริกาไม่รีบทำ จีนจะทำ!” และหลังจากชนะเลือกตั้ง ทรัมป์และภรรยาก็ได้ออกเหรียญมีมคอยน์ของตัวเองอีกด้วย

การหันมาสนับสนุนคริปโตฯ ของทรัมป์อาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หาเสียง ที่ช่วยให้ทรัมป์ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง Super PAC ที่สนับสนุนคริปโตฯ ได้อัดฉีดเงินกว่า 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้ง และผลปรากฏว่า 85% ของผู้สมัครที่ได้รับเงินสนับสนุนสามารถเอาชนะพรรคเดโมแครตได้

ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลของโจ ไบเดน มักมีท่าทีระมัดระวังต่อคริปโตฯ มากกว่า เคยออกคำสั่งพิเศษในปี 2022 ให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ควบคุมและพัฒนากฎระเบียบเกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโตฯ

ด้านนักลงทุนคริปโตฯ ส่วนใหญ่ก็ยังวิจารณ์หนักใส่ แกรี เจนส์เลอร์ ประธานสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ในยุคของไบเดน ว่าเป็นตัวการที่ทำให้วงการคริปโตฯ เจอมาตรการควบคุมเข้มข้น แต่หลังจากทรัมป์กลับมารับตำแหน่ง ก็ได้ให้สัญญาว่าจะปลดประธานสำนักงาน ก.ล.ต. ออกจากตำแหน่งทันที และเสนอชื่อ พอล แอทคินส์ ซึ่งเป็นอดีตประธานสำนักงาน ก.ล.ต. ในสมัย จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ที่เป็นผู้สนับสนุนคริปโตฯ ตัวยงให้ขึ้นมาแทน

อ่านเพิ่มเติม

ที่มา: BINikkei Asia

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ