Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

จับสัญญาณตลาดการเงินโลกจ่อเปลี่ยน 8 รัฐสหรัฐฯ ดัน Bitcoin Reserve -RWAs โอกาสใหม่พลิกโฉมการลงทุน

Date Time: 29 ม.ค. 2568 18:21 น.

Summary

ส่องทิศทางการเงินโลกปี 2025 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อ 8 รัฐสหรัฐฯ นำโดยเพนซิลเวเนียและเท็กซัสผลักดันกฎหมาย Bitcoin Reserve คาดสร้างปรากฏการณ์โดมิโนทั่วโลก ขณะที่ Blackrock ยักษ์ใหญ่การเงินโลกเตรียมพลิกโฉมการลงทุนด้วย RWAs แปลงหุ้น-พันธบัตรสหรัฐฯ เป็นดิจิทัล เปิดโอกาสใหม่นักลงทุนไทยเข้าถึงตลาดโลก กูรูมองยังเป็นปีทองของ Bitcoin

นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด ( CEO Maxbit) กล่าวกับ Thairath Money ว่า ตลาดการเงินโลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากการหาเสียงของทรัมป์เกี่ยวกับการจัดตั้ง Bitcoin Reserve ในระดับประเทศของสหรัฐอเมริกา แม้ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนในระดับรัฐบาลกลาง แต่การเคลื่อนไหวในระดับมลรัฐกลับมีพัฒนาการที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันมี 8 รัฐ นำโดยเพนซิลเวเนียและเท็กซัส ที่เริ่มยื่นร่างกฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin Reserve เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะมีรัฐอื่นๆ ทยอยเข้าร่วมเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้

"การผลักดันกฎหมายในระดับรัฐนี้จะสร้างปรากฏการณ์โดมิโน ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องหันมาพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ปี 2025 จึงมีแนวโน้มที่ยังจะเป็นปีทองของ Bitcoin " นายปกเขตรกล่าว

ส่วน Altcoin ที่น่าจับตาในปีนี้มองว่า Solana และ DOGE มาแรงด้วยแรงหนุนจากบุคคลสำคัญโดย Solana (SOL) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ทรัมป์เลือกใช้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการออกเหรียญของตนเอง ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและศักยภาพของเทคโนโลยี ขณะที่ DOGE ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากอีลอน มัสก์ และมีโอกาสสูงที่จะถูกนำมาใช้เป็นระบบการชำระเงินบนแพลตฟอร์ม X ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการยกระดับการใช้งานจริงของเหรียญคริปโตในชีวิตประจำวัน

ในปี 2025 ตลาดเหรียญมีมคอยน์ (meme coin) เช่น Shiba และเหรียญหมูเด้ง กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง แต่นายปกเขตรได้เตือนถึงความเสี่ยงที่แฝงมากับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ โดยชี้ให้เห็นว่าเหรียญมีมมักจะมีราคาพุ่งสูงในช่วงแรกตามกระแสนิยม แต่มักขาดความยั่งยืนในระยะยาว

"สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามองคือการพัฒนาของเหรียญมีมคอยน์จากการเป็นเพียงเหรียญที่เกาะกระแสไปสู่การเป็นเหรียญที่มีประโยชน์และความยั่งยืนในระยะยาว ไม่ใช่แค่มาเร็วแล้วหายไปตามกระแส" นายปกเขตรกล่าว

นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด
นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่ไม่ควรมองข้ามคือ Real World Assets (RWAs) โดยเฉพาะหลังจากที่ Larry Fink CEO ของ Blackrock บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการ tokenized bond และหุ้นของสหรัฐฯ ซึ่งหากดำเนินการได้จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการการเงินครั้งประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

“การที่ CEO ระดับโลกอย่าง Larry Fink กล่าวถึงประเด็นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ Blackrock อาจมีการเตรียมการหรือวางแผนบางอย่างเกี่ยวกับการ tokenized สินทรัพย์ทางการเงินของสหรัฐฯ ไว้แล้ว และหาก Blackrock สามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้สำเร็จ จะเป็นการเปิดตลาดให้กว้างขึ้นและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในวงการการเงินอย่างมหาศาล”

สำหรับตลาด RWA ในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ มองว่ายังมีข้อจำกัดสำคัญด้านขนาดตลาด เนื่องจากปัจจุบันเป็นการซื้อขายภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากมีการเปิดตลาดให้กว้างขึ้นและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างประเทศ จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมองว่าการลงทุนใน RWA ของหุ้นและพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย แม้ว่าในปัจจุบันจะยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึง แต่หากมีการพัฒนาระบบและกฎระเบียบที่เหมาะสม จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนในระดับโลกได้ง่ายขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมุมมองเกี่ยวกับการนำพันธบัตรมาแปลงเป็น Stablecoin ที่มีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในไทย นายปกเขตรกล่าวว่า Stablecoin ถือเป็นสินทรัพย์ในโลกจริง (Real World Asset: RWA) ที่ใหญ่ที่สุด การมี Stablecoin ในไทยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายมิติ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตที่มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวรัสเซียจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถือ Stablecoin เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ การพัฒนาระบบ Stablecoin จะช่วยยกระดับธุรกรรมที่มีอยู่แล้วให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ลดต้นทุนในการแลกเปลี่ยนเงินตรา กระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ตามความสำเร็จของการพัฒนา Stablecoin ในประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาระบบให้ใช้งานง่ายและปลอดภัย การมีกรอบกฎหมายและการกำกับดูแลที่ชัดเจน และการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจร

"การพัฒนา Stablecoin ในประเทศไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการกำกับดูแล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม" นายปกเขตรกล่าว

3 คำแนะนำสำหรับมือใหม่ก่อนลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

นายปกเขตรทิ้งท้ายด้วยการเน้นย้ำ 3 หลักการสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่ต้องคำนึงถึงดังนี้

ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมาย : นักลงทุนจำเป็นต้องตรวจสอบใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของผู้ประกอบการทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกงหรือการนำเงินหนีไปต่างประเทศ

ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน : นักลงทุนควรศึกษาประวัติการเคลื่อนไหวของราคาย้อนหลัง 4-5 ปี วิเคราะห์จุดสูงสุดและต่ำสุดของราคา รวมถึงประเมินโอกาสการขึ้นลงและผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุน โดยแนะนำให้จำกัดการลงทุนไม่เกิน 5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

รักษาวินัยในการลงทุน : นักลงทุนควรตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน ไม่โลภมากเกินไป และมีวินัยในการขายทำกำไรเมื่อถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ ควรทยอยลงทุนทีละน้อยและไม่ลงทุนเกินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง

**เนื้อหาดังกล่าวได้มีการสัมภาษณ์มุมมองเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)