Maxbit เผย ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ดันวอลุ่มเทรดคริปโตฯ พุ่ง 5 พันล้าน เตรียมลงสนามรายย่อยปีหน้า
Date Time: 27 พ.ย. 2567 16:47 น.
“Summary“
- บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลน้องใหม่ของไทย เผยผลประกอบการโดดเด่นหลังชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้ง ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขาย (Trading Volume) ในเดือนพฤศจิกายน 2567 พุ่งทะลุ 5,000 ล้านบาท พร้อมประกาศความพร้อมรุกตลาดรายย่อยในปี 2568 ตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่มีคู่เหรียญให้เลือกลงทุนมากที่สุดในประเทศไทย
นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อเดือน (CMGR) สูงถึง 36.11% โดยเฉพาะในช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีคึกคักเป็นพิเศษ ผลักดันให้มูลค่าการซื้อขายในเดือนพฤศจิกายนทะลุ 5,000 ล้านบาท
"ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมกซ์บิทเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ มาจากการวางรากฐานที่มั่นคงในหลายด้าน ทั้งการได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ISO 27001 และ ISO 27701 ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในด้านความปลอดภัยของข้อมูลและทรัพย์สิน" นายปกเขตรกล่าว
แผนปี 2568 เตรียมรุกตลาดรายย่อย
สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 บริษัทเตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ มุ่งเจาะตลาดรายย่อย (Retail) อย่างเต็มตัว หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการให้บริการลูกค้ากลุ่ม High Net Worth และ Private Equity มาแล้ว โดยเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์นักลงทุนรายย่อยในหลายมิติ ดังนี้
ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ : พัฒนาแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน
เสริมความรู้นักลงทุน : จัดกิจกรรมให้ความรู้ สัมมนา และเวิร์กช็อปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
เพิ่มคู่เหรียญการเทรด : ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มที่มีคู่เหรียญให้เลือกลงทุนมากที่สุดในไทย เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุน
พัฒนาระบบความปลอดภัย : ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระบบยืนยันตัวตนที่รวดเร็วและปลอดภัย
"เราเชื่อมั่นว่าตลาดคริปโทในปี 2568 จะเข้าสู่ช่วงขาขึ้น (Bull Run) อย่างชัดเจน จากหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งการลดลงของอัตราดอกเบี้ย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลดีต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล" นายปกเขตรกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังนำแนวคิด Co-Creation มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยรับฟังความต้องการจากลูกค้าโดยตรง เพื่อปรับแต่งบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของนักลงทุนชาวไทยโดยเฉพาะ
"การขยายฐานสู่ตลาดรายย่อยและการมีคู่เหรียญที่หลากหลายจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แมกซ์บิทเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เราตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย ด้วยการนำเสนอบริการที่ครอบคลุม ปลอดภัย และตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่ม" นายปกเขตรกล่าวทิ้งท้าย
Author
