BRICS หรือการรวมกลุ่มของหลายประเทศมหาอำนาจโลก ก่อตั้งโดย บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) เมื่อปี 2006 และต่อมาในปี 2010 ก็มีแอฟริกาใต้ (South Africa) เข้ามาร่วมกลุ่ม โดยกลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรวมตัวประเทศกำลังพัฒนาของโลก เพิ่มอำนาจ และต่อสู้กับความท้าทายจากประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา และยุโรปตะวันตก
และต่อมาในปี 2024 ได้มีประเทศอื่น ๆ มาเข้าร่วม อย่าง อียิปต์ (Egypt) เอธิโอเปีย (Ethiopia) อิหร่าน (Iran) ซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates หรือ UAE)
โดยในแต่ละปีกลุ่มประเทศ BRICS จะมีการจัดประชุมสุดยอดประจำปี เพื่อตัดสินใจหรือประกาศถึงนโยบาย พร้อมกับจะมีการสลับรับตำแหน่งประธานของกลุ่มในแต่ละประเทศในทุก ๆ ปี จากข้อมูลของ BRICS พบว่า กลุ่มประเทศ BRICS ในปัจจุบันคิดเป็น 33.9% ของพื้นที่โลก มีประชากรรวมทั้งหมดกว่า 45.7% ของโลก ทำให้กลุ่มประเทศที่รวมกลุ่มใน BRICS นี้เป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก และยังถูกมองว่ามีกำลังและอำนาจในการต้านทานอำนาจตะวันตก
และล่าสุด จากงาน BRICS Summit ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศก็ได้มีการเน้นย้ำและเดินหน้าโครงการระบบชำระเงิน อย่าง “BRICS Pay” เต็มที่ เพื่อที่จะผลักดันให้เกิดระบบการชำระเงินที่เป็นเอกราช และลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐลง
“BRICS Pay” คือระบบชำระเงินที่พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มประเทศ BRICS เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเฉพาะในกลุ่มประเทศดังกล่าว เป็นโครงการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนผ่านระบบชำระเงินแบบดั้งเดิม ที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐและระบบการเงินตะวันตกเป็นใหญ่ มาสร้างโครงสร้างระบบการชำระเงินที่พึ่งพาตัวเองมากขึ้นผ่านการทำงานบน The Bloc.
กลุ่มประเทศ BRICS เมื่อรวมตัวกัน เรียกได้ว่าเป็นมหาอำนาจของเศรษฐกิจโลก โดย GDP ของกลุ่มประเทศนี้รวมกันมีมูลค่าสูงกว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36.7% ของเศรษฐกิจโลก ซึ่งระบบ BRICS Pay จะถูกนำมาใช้งานในระบบเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเหล่านี้ และจะถูกผลักให้เป็นระบบพื้นฐานทางการเงินที่จะนำไปสู่การใช้จ่ายที่ไม่ต้องมีตัวกลาง อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุน ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงิน หรือพึ่งพาเงินดอลลาร์
เป้าหมายหลักของ BRICS Pay คือ การลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ปัจจุบันสหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้นำของโลก ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศอื่น ๆ ที่จะต้องโอนอ่อนและปฏิบัติตามความต้องการของสหรัฐอเมริกา จนกลุ่มประเทศ BRICS มองว่า มันคือดาบสองคมที่ส่งผลกระทบต่อประเทศของพวกเขา
หนึ่งในเครือข่ายที่ถูกมองว่ากำลังเป็นเจ้าหลักของโลก อย่าง SWIFT ทางกลุ่มประเทศ BRICS ก็พยายามผลักดันให้มีการใช้งานระบบอย่างอื่นทดแทน โดย BRICS Pay จะไม่ได้เป็นแค่เพียงระบบชำระเงินธรรมดา แต่จะลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ด้วยการที่ผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศสามารถใช้จ่ายได้ด้วยสกุลเงินของประเทศตัวเองได้เลย และประเทศเหล่านี้จะสามารถควบคุมธุรกรรมของตนได้มากขึ้นและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ
หากมองในอีกมุม นี่คือการสร้าง “แผนสำรอง” ทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากประเทศสมาชิก BRICS สามารถทำการค้าระหว่างกันโดยตรง ในขณะที่ชำระเงินด้วยสกุลเงินของตัวเองได้ จะช่วยลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ลงได้ และสร้างระบบการเงินที่พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
BRICS Pay เกิดขึ้นจากเป้าหมายที่ต้องการสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลแบบรวมศูนย์ที่สามารถใช้งานได้ในหลากหลายประเทศภายในกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้โดยตรงด้วยสกุลเงินท้องถิ่น โดยไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
โดย BRICS Pay จะใช้เทคโนโลยีกระเป๋าเงินดิจิทัล ระบบชำระเงินผ่าน QR code และกรอบการทำงานที่เชื่อมโยงกัน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับธนาคารท้องถิ่นของตนได้โดยตรง
BRICS Pay มีคุณสมบัติพิเศษ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ระบบ BRICS Pay ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน รวมไปถึงเรื่องของระบบการเงินและการกำกับดูแลในแต่ละประเทศที่ยังมีความแตกต่างกันในหลายด้าน อีกทั้งยังมีปัจจัยเรื่องความผันผวนของมูลค่าสกุลเงิน แต่หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดแล้วอาจจะนำไปสู่ระบบการเงินเกิดใหม่อีกหลายรูปแบบ และในอนาคตทุกคนอาจจะได้อาศัยอยู่ในโลกการเงินแบบหลายขั้วก็เป็นได้
ที่มา: Cointelegraph, BBC, BRICS Pay
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney