VISA เตรียมช่วยธนาคารทั่วโลก “ออก Stablecoin" ส่วน PayPal เดินเครื่องเหรียญตัวเองทำธุรกรรม

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

VISA เตรียมช่วยธนาคารทั่วโลก “ออก Stablecoin" ส่วน PayPal เดินเครื่องเหรียญตัวเองทำธุรกรรม

Date Time: 4 ต.ค. 2567 13:18 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • สองฟินเทคยักษ์ รุกหนักสินทรัพย์ดิจิทัล จับตา อีกก้าวของ Stablecoins ในโลกการเงิน หลัง Visa ผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินแบบดิจิทัล เปิดตัว แพลตฟอร์มจัดการโทเค็นดิจิทัลสำหรับธนาคารทั่วไป ช่วยธนาคารออกและโอนเหรียญบนบล็อกเชน ขณะที่ PayPal โชว์ความสำเร็จใช้ "PayPal USD" (PYUSD) ทำธุรกรรมทางการค้าหลังจากเปิดตัวในปีที่ผ่านมา

Latest


Visa Tokenized Asset Platform

Visa ผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินแบบดิจิทัล เปิดตัว “Visa Tokenized Asset Platform” หรือ VTAP แพลตฟอร์มจัดการโทเค็นดิจิทัลและ Stablecoins สำหรับธนาคารทั่วไป ช่วยธนาคารออกและโอนเหรียญบนบล็อกเชน เชื่อมโยงสกุลเงินปกติสู่โลกดิจิทัล ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบพัฒนาโดยคาดว่าจะเปิดนำร่องให้พันธมิตรสถาบันการเงินเข้าใช้ผ่าน Visa’s Developer Platform ในปี 2025

VTAP จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธนาคารต่าง ๆ สามารถจัดการ ตั้งแต่การทำ Smart Contract การฝากเงินในรูปแบบโทเค็น รวมถึงการสร้าง-เบิร์น-โอน Stablecoins สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีที่มีกลไกสำหรับการคงมูลค่าที่มักจะตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น สกุลเงินของประเทศต่าง ๆ ทองคำ หรือพันธบัตร

ทั้งนี้แพลตฟอร์ม VTAP ของ Visa ถูกพัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชนภายในของบริษัทที่เชื่อมโยงกับ Ethereum ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้บูรณาการกับเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ของธนาคารได้อย่างง่ายดาย ปลอดภัยสูง

ธนาคารทั่วไปสามารถนำ API ไปใช้เพื่อเขียนโปรแกรมในการออกเหรียญหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการธุรกรรมที่ซับซ้อน เช่น วงเงินสินเชื่อหรือการทำให้แปลงสินทรัพย์เดิมให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังเตรียมพัฒนาโซลูชันเพิ่มเติมเพื่อขยายฟีเจอร์ให้บริการที่อยู่บนเครือข่ายของ Visa ทั้งการจัดการเรื่องกระเป๋าเงินและ Private Keys โดยไม่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

อีกก้าวของการยอมรับ Stablecoins ในโลกเพย์เมนท์ 

ปัจจุบัน Visa กำลังนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมกับการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์เดิม สร้างแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้ธนาคารบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการดำเนินงานของตน และสร้างความก้าวหน้าให้กับอุตสาหกรรมการเงินอีกครั้ง

โดย Visa กล่าวว่าตนยังมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับสถาบันการเงินและฟินเทคเพื่อพัฒนามาตรฐานและความสามารถที่จะช่วยให้เทคโนโลยีการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ เหล่านี้เติบโตได้อย่างปลอดภัย น่าเชื่อถือและเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

ขณะที่อีกหนึ่งผู้ให้บริการชำระเงินดิจิทัลเจ้าใหญ่ PayPal โชว์ความสำเร็จการใช้ "PayPal USD" (PYUSD) เหรียญ Stablecoins ของตนเองในการทำธุรกรรมทางการค้า หลังจากเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา

โดยรายงานระบุว่า PayPal ใช้ PYUSD ชำระหนี้ให้กับ Ernst & Young LLP โดยอาศัยแพลตฟอร์ม SAP SE ในการทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ โดยแพลตฟอร์มของ SAP เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ช่วยให้บริษัทสามารถโอนและรับการชำระเงินดิจิทัลได้ทันที

ซึ่งก่อนหน้านี้ PayPal ได้อนุญาตให้ผู้ค้าซื้อขายและถือครองสกุลเงินดิจิทัลจากบัญชีธุรกิจของตนเอง โดยต้นปีที่ผ่านมาแพลตฟอร์มการชำระเงิน BVNK ซึ่งสนับสนุน Stablecoin ของ PayPal ได้เริ่มให้ธุรกิจสหรัฐฯ ส่งเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไปยังแพลตฟอร์มของตนในประเทศอื่นผ่าน Swift และทำการชำระเงินในภายหลังด้วย Stablecoin ได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

PayPal เปิดเผยว่า การทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ธุรกรรมข้ามพรมแดน" ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการและมีค่าใช้จ่ายสูงและในบางกรณีมีความเสี่ยง เนื่องจากต้องพึ่งพาบุคคลที่สามตามความจำเป็น ไม่นับในช่วงที่ประเทศต่างๆ เผชิญปัญหาเรื่องสกุลเงินผันผวน

ความเร็วและความพร้อมของเทคโนโลยีชำระเงินบนระบบบล็อกเชนได้กลายเป็นอีกทางเลือกที่สมเหตุสมผล ธุรกิจบางแห่งเริ่มเปิดให้ชำระเงินด้วย Stablecoin เช่น Tether หรือ Circle มาก่อนหน้านี้ แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมคริปโตฯ ต้องรับมือกับความผันผวนหลังวิกฤตความเชื่อมั่นจากคดีของ Sam Bankman-Fried ในปี 2022 และ TerraUSD ก่อนหน้านี้

ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ สองยักษ์ใหญ่เพย์เมนต์กำลังเบิกทางให้กับผู้เล่นรายอื่นๆ ในการพัฒนาโซลูชันชำระเงินด้วยโทเค็นดิจิทัลและ Stablecoins อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าใกล้ธนาคารมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากสถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลก อาทิ JPMorgan Chase และ Citigroup ก็ได้ก้าวเข้ามาพัฒนาบล็อกเชนของตนเองพลิกโฉมการออกพันธบัตรดิจิทัล ตลอดจนกองทุน Bitcoin ETF ที่เข้ามาสร้างความคึกคักในช่วงที่ผ่านมา

ที่มาข้อมูล Bloomberg (1) (2)The Verge 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ