นายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า Merkle Capital มองว่า Bitcoin และ Ethereum มีแนวโน้มที่สามารถเติบโตได้สูงในเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะ Ethereum Ecosystem ที่โดนกดดันจากปัจจัยระยะสั้นในเดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลดังนี้
เดือนกรกฎาคมถือเป็นหนึ่งในเดือนที่นักลงทุนกังวลมากที่สุด เนื่องจากมีแรงเทขายจริงจากรัฐบาลเยอรมันกว่า 10,000 BTC และมีการคืนเงินของ Mt. Gox แก่เจ้าหนี้ 80,000 BTC จากทั้งหมด 140,000 BTC แม้ประเด็นนี้จะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้าหนี้จะเทขายหรือไม่ แต่นักลงทุนส่วนมากรับรู้ข่าวหลังจากที่ราคา ทดสอบ 53,500 ดอลลาร์แล้ว รวมถึงการโอนย้ายของรัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 30,000 BTC ไปยังปลายทางที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโอกาสถูกเทขายสูงสุดถึง 120,000 BTC ในเดือนที่ผ่านมา แต่ราคา ของ BTC ยังคงต่ำกว่าราคาสูงสุดเพียง 10% เท่านั้น แสดงถึงความมั่นใจของนักลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว
อ้างอิงจาก Platform.arkhamintelligence.com
แม้จะมีการเทขาย Bitcoin เกิดขึ้นจากปัจจัยข้อที่ 1 แต่ตลาดแสดงถึงความกังวลต่อเหรียญมูลค่าตลาด ขนาดเล็กมากกว่า Bitcoin เป็นเหตุให้อัตรา Bitcoin Dominance (สัดส่วนมูลค่าตลาดของ Bitcoin เปรียบเทียบ กับมูลค่าตลาดทั้งหมดของคริปโตฯ) ปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 56.7% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 3 เดือนและ 3 ปี ดังนั้น แม้นักลงทุนจะมีความกังวลระยะสั้น แต่ในระยะกลางและระยะยาวยังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin เมื่อความกังวลใน เดือนสิงหาคมผ่อนคลายลง จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ Bitcoin อาจมีแรงซื้อจากเงินลงทุนใหม่ได้
อ้างอิงจาก Tradingview.com
แม้ราคา ETH มีการปรับตัวต่ำลงกว่า 20% ทดสอบบริเวณ 2,800 ดอลลาร์ แต่จากปัจจัยการเปิดซื้อขาย ETH Spot ETF ทำให้มีแรงซื้อเกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาของ ETH ปรับตัวขึ้นกว่า 26% ภายใน 20 วัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์การอนุมัติ Bitcoin Spot ETF แล้ว Ethereum มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกันเนื่องจากมีมูลค่าตลาดที่เล็กกว่า Bitcoin อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ภาพรวมของ Ethereum Spot ETF ยังติดลบเนื่องจาก แรงเทขายของ Grayscale ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ของ Bitcoin ในช่วงต้นปี ดังนั้น แรงเทขายระยะสั้นอาจส่งผลให้ราคาของ ETH ต่ำเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงและสถิติของ BTC หลังอนุมัติ Bitcoin Spot ETF
อ้างอิงจาก Farside.co.uk
นายมานะ คานิโยว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและพาณิชย์ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล อาจดูภาพใหญ่ (Macro Factors) ของตลาดเป็นส่วนประกอบ รวมถึงปัจจัยหนุน เช่น ดอกเบี้ยที่กำลังปรับลดเเละการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีในสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เติบโตในทิศทางที่ดี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการมีส่วนร่วมในสินทรัพย์ใหม่แก่นักลงทุน
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน