เอาไงต่อดี? ราคา Bitcoin ร่วงหนักต่ำ 55,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่พร้อมลดดอกเบี้ย

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เอาไงต่อดี? ราคา Bitcoin ร่วงหนักต่ำ 55,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่พร้อมลดดอกเบี้ย

Date Time: 5 ก.ค. 2567 13:40 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • ราคา Bitcoin ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ (5 ก.ค. 67) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 54,635.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ หลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่พร้อมลดดอกเบี้ย

Latest


ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคา Bitcoin ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ (5 ก.ค. 67) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 54,635.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ หลังจากที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิถุนายน โดยระบุว่า ธนาคารกลางยังไม่พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย

การปรับตัวลดลงของ Bitcoin นั้นถือเป็นราคาต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ซึ่งในเดือนนั้น Bitcoin มีราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 53,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน ETH ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ก็ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 2,892.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญเช่นเดียวกัน 

โดยสาเหตุของการปรับตัวลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิถุนายนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลางอย่างยั่งยืน

ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยสูงนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin และ คริปโตเคอร์เรนซีสกุลอื่นๆ เนื่องจากทำให้นักลงทุนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลง 

ก่อนหน้านี้ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 73,700 ดอลลาร์ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ อนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETF ตัวแรกของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีเม็ดเงินมหาศาลจากนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ไหลเข้าสู่ตลาดนี้อย่างมีนัยสำคัญ 

แต่นับตั้งแต่นั้นมา ราคา Bitcoin เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่างประมาณ 59,000-72,000 ดอลลาร์มาอย่างต่อเนื่อง 

จนกระทั่งได้รับแรงกดดันจากข่าว Mt. Gox กระดานเทรดคริปโตฯ ที่ล้มละลายไปแล้ว กำลังเตรียมแจกจ่ายเหรียญมูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ให้กับผู้ใช้ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การเท Bitcoin อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก CCData ซึ่งเป็นบริษัทวิจับข้อมูลคริปโตฯ ได้กล่าวในรายงานวิจัยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคา Bitcoin ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของวงจรการเพิ่มมูลค่าในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในรายงานนั้นได้แสดงให้เห็นถึงวัฏจักรราคาในอดีตว่า Bitcoin Halving

ซึ่งเป็นการลดอุปทานของ Bitcoin ใหม่ที่เข้าสู่ตลาด กว่าที่จะเข้าสู่จุดสูงสุดใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ปี หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่ง halving ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายนปีนี้ ดังนั้นกรอบเวลาทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นจึงยังไม่ผ่านไป.

อ้างอิง TradingViewCNBC , BitScreener

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ