นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ชี้แจงถึงกรณี crypto ETF ในไทยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทรวม 21 บริษัท และในอนาคตอาจมีเพิ่มขึ้นอีกได้ เนื่องจาก ก.ล.ต.สนับสนุนให้มีผู้ประกอบธุรกิจฯ ที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ในการให้บริการผู้ลงทุนไทย โดยบางบริษัทอาจให้บริการทั้งคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล
นอกจากจะซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงผ่านผู้ประกอบธุรกิจฯ แล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยอ้อมผ่านหลักทรัพย์ได้ด้วย เช่น การลงทุนใน “crypto ETF ต่างประเทศ” ผ่านกองทุน UI ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทั้งนี้ crypto ETF นั้นต้องเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีหน่วยงานกำกับดูแล เช่น Spot Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ก.ล.ต.ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน UI ที่มีนโยบายลงทุนใน crypto ETF ไปบ้างแล้ว ซึ่งเป็นการลงทุนแบบ feeder fund/fund of funds ต่างประเทศ ที่มีการคัดกรองโดย บลจ.ไทย และ บลจ.ต่างประเทศที่บริหาร crypto ETF ซึ่งกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลต่างประเทศ ไม่ใช่เป็นการจัดตั้ง crypto ETF ขึ้นในประเทศไทย
สำหรับกองทุน UI เป็นกองทุนสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ ห้ามขายให้ผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่ง ก.ล.ต.เปิดให้ลงทุนในตราสารหรือธุรกรรมทางการเงินได้ทุกประเภท เพราะเป็นผู้ลงทุนที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านการเงิน ความรู้และประสบการณ์ สามารถดูแลตัวเองในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้ ซึ่งเกณฑ์การลงทุนของผู้ลงทุนกลุ่มนี้กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2560
ส่วน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาจะต้องมีการลงทุนในหลักทรัพย์ อนุพันธ์และเงินฝาก รวมกันไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท หรือมีรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 6 ล้านบาท หรือมีทรัพย์สินสุทธิไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท และต้องมีความรู้หรือประสบการณ์การลงทุน เช่น ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเป็นประจำและต่อเนื่อง หรือมีความรู้ความเข้าใจในหลักทรัพย์ที่ลงทุนอย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังมีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อให้กองทุนรวมบางประเภทสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนใน “crypto ETF ต่างประเทศ” ได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้กองทุนรวมดังกล่าวสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นได้ (asset allocation) โดยจะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขเพิ่มเติมจากกองทุนรวมทั่วไปเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้องต่อไป