“orbix” แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก Kbank ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตอกย้ำกลยุทธ์พัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ง่าย (Easy) ทั้งเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ (Trustworthy) พร้อมเป็นผู้นำดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เน้นขยายฐานลูกค้าใหม่ตลอดจนการให้ความรู้แก่นักลงทุน
สำหรับ orbix เป็นบริษัทที่เกิดจาก Unita Capital ซึ่งเป็นบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และได้เข้าซื้อหุ้น 97% ของบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (Satang Pro) กระดานเทรดคริปโตฯ ไทย ที่ได้รับใบอนุญาตภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จํากัด
ชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด เผยว่า ในปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเพื่อขยายฐานผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม orbix โดยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานที่เป็นลูกค้าใหม่ที่ 10-15% ขณะเดียวกันก็เน้นทำการตลาดกับฐานลูกค้าเดิมของ Satang Pro ที่มีอยู่กว่า 500,000 ราย ให้กลับมาใช้งานพร้อมขึ้นเป็น Top 3 ของ Exchange ในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี
ในส่วนของรายได้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโต 6 เท่าจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ราว 25 ล้านบาท ให้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 160-170 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์รายได้ในเดือนมีนาคมนี้ว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นก่อนเข้าซื้อที่ประมาณ 2.3-2.5 เท่า ขณะที่เป้า DAU (Daily Active User) ของ orbix จะต้องเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า จากปีก่อนหน้าในช่วงก่อนการเข้าซื้อกิจการซึ่งปัจจุบัน orbix มีตัวเลขผู้ใช้งานรายวันอยู่ที่ราว 5-600 คน
ชาญวิทย์ ยังได้เปิดเผยภาพรวมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีปัจจัยเชิงบวกหลายประการซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้แก่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ อนุมัติ Bitcoin ETF ทั้งสิ้น 11 กอง มูลค่ารวมประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
อีกทั้งในเดือนเมษายนนี้จะมีเหตุการ์สำคัญอย่าง ‘Bitcoin Halving’ ที่อัตราการเกิดของ Bitcoin ใหม่ ลดลงครึ่งหนึ่งในทุกๆ 4 ปี รวมถึงความเป็นไปได้ที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ จะอนุมัติ Ethereum ETF ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
ในไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมให้ไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Hub) ซึ่งเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมจากการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน Exchang, Dealer, Broker ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และเมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการ ก.ล.ต.ได้เห็นชอบอนุมัติปรับหลักเกณ์ให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษและนักลงทุนสถาบันสามารถลงทุน Bitcoin ETF ได้ผ่าน บลจ. เป็นแนวโน้มที่ดีของการพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
ปัจจัยบวกเหล่านี้ล้วนเป็นแรงส่งให้ราคาของ Bitcoin ขึ้นสู่ราคาสูงสุดใหม่ที่ 73,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท และดึงดูดนักลงทุนรวมถึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อนักลงทุนจำนวนมากหันมาให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ชาญวิทย์ระบุว่า orbix เห็นถึงความสำคัญในเรื่อง Investor Protection และได้เริ่มกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นไปตามกลไกการกำกับดูแลและมาตรการคุ้มครองนักลงทุนซึ่งประกอบไปด้วย
ขณะเดียวกันก็มี “Kryptonian Referral Program” ซึ่งเป็นโปรแกรมแนะนำคนรู้จักที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำ จะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายดิจิทัลโทเคนตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด พร้อมกับเตรียมเปิดตัว “OBX reward point” ให้สะสม Point จากกิจกรรมต่างๆ เพื่อนำมาแลกรับสิทธิพิเศษและของสมนาคุณหลายรูปแบบ
สำหรับจุดยืนของของ orbix ชาญวิทย์ ระบุว่าเรายืนอยู่บนเรื่องของ Trustworthy และ Easy เราอยากเป็น Exchange ที่มีความน่าเชื่อถือที่ลูกค้าเชื่อมั่น เพราะเราอยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน รวมถึงให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและไม่ติดขัด ซึ่งปัจจุบัน orbix ก็มี UX UI Designer ทีมเดียวกับ แอปฯ K PLUS บนมือถือซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับการใช้งาน orbix
ขณะเดียวกันทาง orbix ก็เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Trustworthy และ Easy จะเป็นคนละกลุ่มกับลูกค้าที่ลงทุนกับเจ้าตลาด โดยจะเป็นกลุ่มนักลงทุนเดิมที่ยังขาดความมั่นใจในการแบ่งเงินมาลงทุนว่าจะลงทุนกับใครดีซึ่ง orbix ก็พยายามพัฒนาเซอร์วิสและโซลูชันที่จะมาตอบโจทย์ลูกค้าได้
ด้าน ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ได้เสริมในมุมภาพรวมของธนาคารว่า ลูกค้าของธนาคารมีความต่างกัน แน่นอนว่าถ้าเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เชื่อว่านักลงทุนกลุ่ม Early Adopter เขารับความผันผวนได้ แต่สิ่งที่เขารับไม่ได้คือ Operator หรือ Service Provider หาย
“ลูกค้าเราจำนวนมากที่ยังไม่กล้าลงทุนไม่ใช่ว่ารับความผันผวนของสินทรัพย์ไม่ได้ แต่ไม่มั่นใจว่า Operator จะหายหรือเปล่า” ดร.กรินทร์ กล่าวเสริม พร้อมระบุว่า orbix จะตอบโจทย์กับลูกค้าซึ่งอาจจะไม่ใช่กลุ่ม ‘Early Adopter’ แต่เป็นนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้และ “เราจะเป็น Top 3 ในมิติที่นักลงทุนสบายใจที่เงินอยู่กับเรา”
นอกจากนี้ orbix ยังมุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Synergy ด้วยผลิตภัณฑ์ในเครือไม่ว่าจะเป็น Kubix ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ICO Portal ทั้งยังมีบล็อกเชนจาก orbix Technology เพื่อเป็น Total Solution ให้กับนักลงทุนสถาบัน หรือนิติบุคคลที่ต้องการจะออกโทเคน
และนอกจาก Orbix Invest ที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา orbix ยังมีแผนยื่นขอใบอนุญาต orbix CUSTODIAN (ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน) เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ด้วยเช่นกัน
ในตอนท้ายชาญวิทย์ระบุถึงจุดแข็งของ orbix ที่จะมาสู้กับผู้ให้บริการเจ้าอื่นด้วยความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีอย่างฟีเจอร์ “Wallet Lock” ที่มีระบบการล็อกกระเป๋าสองชั้น ลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิด-ปิด Wallet Lock ได้ด้วยตนเอง รวมไปถึง “Price Alert” ฟีเจอร์ตั้งเตือนราคาเพื่อให้ไม่พลาดทุกโอกาสการซื้อขาย
พร้อมเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เชื่อว่าจะตอบโจทย์นักลงทุนสายเทรดเหรียญอย่าง “orbix Balance” ซึ่งเป็นระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญโดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณซึ่งจะพร้อมให้บริการได้ภายในปีนี้ และยังอยู่ระหว่างการพัฒนาฟีเจอร์เติมเงินเข้า Wallet ผ่าน K PLUS เพื่อเพิ่มประประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับเหล่านักลงทุน
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney