Bitcoin Halving เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin กลไกที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวน Bitcoin ทั้งหมดในระบบ โดยการลดรางวัลที่มอบให้กับนักขุด Bitcoin ลงครึ่งหนึ่ง ทุกๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณทุกๆ 4 ปี จากปัจจุบันรางวัลการขุดอยู่ที่ 6.25 BTC ต่อบล็อก และในการ Halving ครั้งต่อไปที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ รางวัลการจะถูกลดลงเหลือเพียง 3.125 BTC ดังนั้นการลดลงนี้จะทำให้ Bitcoin หายากขึ้น และเพิ่มมูลค่าในทางทฤษฎี
ในปี 2024 เหตุการณ์ดังนั้นกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สี่ นับตั้งแต่มีการถือกำเนิด Bitcoin ขึ้นมา โดยหลักการแล้วเมื่อเกิด Halving จะส่งผลดีต่อราคา Bitcoin โดยอิงจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แล้วครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้าอย่างไร ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษา FWX แพลตฟอร์ม DeFi และอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวกับ Thairath Money ว่า แม้รูปแบบการ Halving นี้จะคล้ายคลึงกับครั้งก่อนๆ ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปน่าจะเป็นเรื่องของขนาด (Magnitude)
โดยถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้หลัง Halving ครั้งแรก ราคา Bitcoin มันทำ All Time High มีการปรับตัวขึ้นไปมากกว่า 9,000% ครั้งที่สองเกิน 2,000% ครั้งที่สามราว 680% และครั้งที่สี่ที่จะเกิดขึ้นนี้ถ้าอิงตามรูปแบบเดิมอาจมองได้ว่าราคา Bitcoin อาจปรับตัวขึ้นประมาณ 200-300% ซึ่งถ้าเทียบสัดส่วนมันจึงก็มีโอกาสไปทะลุ 100,000 เหรียญได้
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันเข้า ซึ่งอาจมองได้ว่ารอบนี้ราคา Bitcoin อาจจะปรับตัวขึ้นไปมากกว่าที่คาด เนื่องจากสภาพคล่องที่ไหลเข้ามาในสินทรัพย์นี้ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่เงินจากนักลงทุนรายย่อยอีกต่อไป แต่มีเป็นเงินของนักลงทุนสถานบันเข้ามาด้วย โดยตั้งแต่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ มีการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF มีสัญญาณบวกเข้ามาต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง Blackrock เก็บ Bitcoin เข้าไปประมาณ 6 พันล้านเหรียญแล้ว โดยตั้งแต่วันแรกที่เปิดมา แม้ราคา Bitcoin จะปรับตัวขึ้นลง แต่สถานะของ Blackrock จะเป็นซื้อสุทธิทุกวัน ซึ่งสะท้อนได้ว่ากลุ่มคนที่เข้าซื้อคือกลุ่มนักลงทุนดั้งเดิมที่ซื้อ Bitcoin ผ่าน ETF แน่ๆ เพราะถ้าเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่จะซื้อผ่านกระดานเทรด เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ามันถูกกว่า ดังนั้นจะเห็นได้ว่านักลงทุนดั้งเดิมต่างมีมุมมองบวกต่อ Bitcoin เป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิด Halving จริงๆ ราคา Bitcoin อาจมีโอกาสย่อตัวลงบ้าง เนื่องว่าราคาปรับขึ้นมาอย่างรุนแรงต่อเนื่อง
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการลุ้นราคา Bitcoin กับปัจจัยเรื่องการอนุมัติ Bitcoin ETF จนทำให้ช่วงการที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างรุนแรงเช่นกัน แต่เมื่อเกิดขึ้นจริง ตลาดอาจไม่ได้ตอบสนองต่อปัจจัยดังกล่าวขนาดนั้น แต่กลับเห็นแรงขายเข้ามา ในประเด็นนี้ ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ ชี้ว่า แรงขาย Bitcoin ในช่วงที่มีการอนุมัติ Bitcoin ETF มันเป็นการ sell on fact กล่าวคือในช่วงแรกๆ จะมีการนำข่าวดังกล่าวมาเป็นปัจจัยในการไล่ราคา แต่หลังจากนั้นทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าได้รับกันอนุมัติอย่างแน่นอน เลยกลายเป็นว่าราคามัน Price In ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพอมีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมา เลยมีการย้ายเงินออกจาก Bitcoin ไปเก็ง Ethereum กันต่อ ส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดกับนักลงทุนที่มีการเก็งกำไรใรระยะสั้น
แต่สำหรับการ Halving เป็นรูปแบบที่เห็นกันอยู่แล้ว ต้องบอกว่าวันที่มีการ Halving ไม่ใช่วันที่ราคา Bitcoin จะพุ่งเลย แต่มันจะทำ All Time High หลังจากนั้นประมาณ 1-1.5 ปี ซึ่งมันยังอีกไกลมาก โดยถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 1 ปี จะเห็นได้ว่าราคา Bitcoin มีการเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up ซึ่งจะมีการทยอยเก็บต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกกันว่าวาฬ ดังนั้นราคาของ Bitcoin มันจึงทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่จุดที่ควรระวัง คือ เมื่อมันเกิดพฤติกรรมหมู่เช่นนี้ พอตลาดเข้าสู่ช่วงกระทิงมากๆ จนใกล้ที่ แล้วเดี๋ยวพอตลาดมันกระทิงมากๆ จนใกล้ทำ All Time High จะเห็นนักลงทุนหน้าใหม่เข้าไปซื้อ ในทางกลับกันช่วงนั้นรายใหญ่อาจเทขายลงมา เนื่องจากเขาเห็นรูปแบบ
นอกจากนี้ ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการ Halving ในปีนี้ ยังมีปัจจัยมหาภาคที่ส่งผลต่อการที่ Bitcoin จะเข้าสู่ช่วง Bull Run โดยตรง ข้อสังเกตของประเด็นนี้ คือ ช่วงเวลาที่ Halving จะตรงกับ วัฏจักรเศรษฐกิจ (Economic Cycle) เช่นเดียวกัน กล่าวคือ วัฏจักรของเงินที่ไหลเวียนอยู่ในระบบของโลก จะมีวัฏจักรอยู่ 4 ปี โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะพิมพ์เงินออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากนั้นเมื่อเงินเริ่มไหลเวียนในระบบมากขึ้นก็จะเริ่มมีการดึงเงินกลับ ซึ่งเหตุการณ์พวกนี้จะเกิดอยู่ประมาณ 4 ปี และครั้งแรกที่เกิด Halving ตรงกับช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ พิมพ์เงินพอดี ดังนั้นการเกิด Halving จึงสอดคล้องกับภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงด้วย แม้ว่าในเชิงเทคนิคการ Halving จะเป็นการลดอุปทาน แต่มันมีภาพของการซ้อนทับกับปัจจัยมหภาคเช่นกัน
แน่นอนว่าแนวโน้มของ Bitcoin มีภาพที่ค่อนข้างชัดเจน พร้อมปัจจัยสนับสนุนทั้งในด้านเทคโนโลยี และความสอดคล้องกับเศรษฐกิจมหภาค ดังนั้น Bitcoin Future สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคา Bitcoin ในตลาดโลก ที่นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง จึงเป็นอีกทางเลือกที่หลายคนมอง ในฐานะที่เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม DeFi
ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ ให้มุมมองว่า เวลาตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น มองว่าการ Buy and hold เป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า แต่ถ้าเกิดว่าใครจะเล่น Future จริงๆ แนะนำว่าต้อง Leverage น้อยๆ แม้ว่าเราจะรู้ว่า Bitcoin มันจะกลับไปทำ All Time High ก็จริง แต่ระหว่างที่ราคาปรับขึ้น ถ้าลองซูมกราฟดูจะมีแรงกระชากสูง เพราะฉะนั้น Leverage สูง เช่น 50X 80X ช่วงที่ราคามันแกว่งตัวแรง อาจเสี่ยงถูก liquidate ไปเสียก่อน
นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือก คือ ใช้ในการปิดความเสี่ยง ถ้าหากช่วงไหนที่ volatility สูง ช่วงนั้นอาจจะสามารถ short ไว้ได้เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต หรือที่เรียกว่า การ hedging โดยใช้ Future ตรงนี้ช่วยได้ดีกว่าการขาย Bitcoin ออกไป.
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney