หลังจาก SEC อนุมัติกองทุน Bitcoin ETF ให้สามารถซื้อขายได้แล้วในสหรัฐอเมริกา โดยมีกองทุนรายที่ได้รับการอนุมัติ และพร้อมซื้อขายทั้งสิ้น 11 แห่ง ได้แก่ ARK 21Shares, Invesco Galaxy, VanEck, WisdomTree, Fidelity, Valkyrie, BlackRock, Grayscale, Bitwise, Hashdex and Franklin Templeton
นักวิเคราะห์ Standard Chartered ได้ออกมาคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีเงินทุนไหลเข้ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (1-3 แสนล้านบาท) และจะดันราคา Bitcoin ขึ้นถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 (ณ วันที่ 15 มกราคม 2566 ราคา Bitcoin ที่ 42,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.4 ล้านบาท)
แม้จะมีอุปสรรคในช่วยการอนุมัติเริ่มต้น แต่การอนุมัติ Bitcoin ETF ได้รับเสียงตอบรับในทางทที่ดีตามคาด และนับเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี เปิดทางให้กองทุน และผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่เข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลหลักอย่าง Bitcoin ได้
ด้าน Fidelity Investments ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ว่า Bitcoin จะมีความผันผวนอย่างมาก แต่จะมีส่วนช่วยเพิ่มผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอโดยรวมได้ ด้าน Larry Fink ซีอีโอของ BlackRock กล่าวว่า Bitcoin ETF เป็น "ก้าวหนึ่งในการปฏิวัติทางเทคโนโลยีในตลาดการเงิน"
ในการสำรวจบรรดาผู้จัดการสินทรัพย์การเงินร่วมกับ VettaFi ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายกองทุนของ Bitwise พบว่าในปี 2023 ผู้จัดการสินทรัพย์ที่มีการลงทุนในคริปโตเคอเรนซีอยู่แล้วมีการกระจายสินทรัพย์เพิ่มขึ้นกว่า 47% จากปีก่อนหน้า และในผลสำรวจดังกล่าวพบว่ากว่า 88% สนใจซื้อขาย Bitcoin และรอจนกว่า Spot Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติเสร็จสิ้น
ขณะที่บางกองทุนที่ได้รับการอนุมัติจาก SEC อย่าง Bitwise Asset Management ได้เสนอค่าธรรมเนียมในการลงทุนในอัตราที่ต่ำมากที่ 0.2% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Bitcoin ETF จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรุ่นใหม่ถือครอง Bitcoin ได้มากขึ้นในลักษณะเดียวกับที่ซื้อกองทุน หุ้น และพันธบัตร เพิ่มช่องทางให้นักลงทุนในการเข้าถึง Bitcoin โดยไม่ใช่แค่จากการถือครองโดยตรง แต่ผ่านทางเครื่องมือทางการเงินแบบดั้งเดิมที่มีอยู่ซึ่งซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ที่มีการควบคุม
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney