บล็อกเชน เทคโนโลยีที่รัฐบาลเศรษฐายืนยันว่าจะใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะแจกให้กับประชาชนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการปูพื้นฐานเศรษฐกิจไทย และสร้างเทคโนโลยีบล็อกเชนสัญชาติไทย สำหรับใช้งานด้านอื่นๆ ในอนาคต โดยประชาชนจะต้องมีการโหลดแอปพลิเคชัน ซึ่งคือกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่จะเป็นซุปเปอร์แอปฯ ของรัฐบาลมาเพื่อใช้งาน
บล็อกเชน คือ เทคโนโลยีที่เป็นระบบเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ กล่าวคือ ฐานข้อมูลรูปแบบหนึ่งที่ต้องออนไลน์ในสถานะที่เป็นปัจจุบันเท่านั้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ คือ นาย A และนาง B มีฐานข้อมูลของตัวเอง จะอัปเดตหรือไม่ก็ขึ้นกับนาย A และนาง B แต่พอเป็นบล็อกเชน ทุกคนต้องถูกบังคับให้ออนไลน์หมด แล้วต้องอัปเดตสถานะหมด ไม่มีใครที่ไม่อัปเดต
โดยหลักการทำงานของบล็อกเชน คือ จะมีสิ่งที่เรียกว่า Node ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลหลัก จะมีการกระจายไปยังระบบคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์เหล่านั้นจะกระจายกันอยู่คนละที่ แต่สามารถสื่อสารกันได้ ดังนั้นถ้าหากคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเกิดมีการขัดข้อง
และคุณสมบัติของบล็อกเชน มันสามารถทำสิ่งที่เรียกว่า Programable ได้ ซึ่งฐานข้อมูลแบบปกติก็ทำได้เหมือนกัน แต่จุดเด่นบล็อกเชนมันต้องออนไลน์สถานะตลอดเวลาเท่านั้นเอง
นอกจากนี้บล็อกเชนยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัย กล่าวคือ เมื่อฐานข้อมูลทั้งหมดออนไลน์แล้ว มันก็ยากที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาควบคุมได้ (ยกเว้นว่าทำเป็น Private บล็อกเชน เพราะคนที่เป็น Validator Node ที่กำหนดไว้ก็สามารถเข้าไปควบคุมได้ )
และคุณสมบัติอีกอย่าง คือ บล็อกเชนมีความโปร่งใส ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
ความสามารถของบล็อกเชนไม่ได้เป็นประโยชน์เพียงแค่สำหรับการทำ Digital Wallet เพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับภาคส่วนต่างๆ ได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น
Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ เป็นโปรแกรมบนบล็อกเชนที่ทำให้การดำเนินการตามสัญญาเป็นไปโดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดการกระทำที่ตรงตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ เพื่อเป็นการรับประกันการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในสัญญานั้นๆ
จัดเก็บข้อมูลสุขภาพ ซึ่งจะมีความปลอดภัยสูง และพร้อมสำหรับการใช้งาน เพราะสามารถส่งต่อได้โดยไร้ตัวกลาง และใช้สำหรับติดตามโรคและการระบาด ตลอดจนช่วยในการวิจัยและพัฒนายาที่เข้ากับผู้ป่วย
ใช้ในการทำงานภาครัฐ โดยเฉพาะการสร้างความโปร่งใส เมื่อมีการลงคะแนนเสียงอะไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีตัวกลาง และไม่สามารถแก้ไขข้อมูลบนบล็อกเชนได้
อย่างไรก็ตาม บล็อกเชนยังเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อีกหลายอย่าง หากทำเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ก็จะต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมากมาย
จากข้อมูลที่รัฐบาลได้เปิดเผยมานั้น เมื่อถึงเวลาแจก จะมีเงินจำนวน 1 หมื่นบาท โอนเข้าบัญชีในดิจิทัลวอลเล็ตของประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน จะไ้ด้รับเป็นสิทธิ์ในการใช้จ่าย มีมูลค่าสิทธิ์เทียบเท่ามูลค่าเงินบาท คือ 1 บาทดิจิทัล เท่ากับ 1 บาท ผู้ได้รับสิทธิ์จะได้รับเงินดิจิทัลเพียงครั้งเดียว มีระยะเวลาใช้จ่าย 6 เดือน สามารถใช้จ่ายกับร้านค้าได้ทั้งหมด ยกเว้นสินค้าอบายมุข และการชำระหนี้
พร้อมทั้งยังยืนยันว่า เงินดิจิทัลที่ถูกส่งเข้าไปในดิจิทัลวอลเล็ตนั้น มีความปลอดภัยสูง และไม่ใช่ดิจิทัลเคอร์เรนซี จึงไม่มีการเก็งกำไร และยังสามารถป้องกันการรั่วไหลและทุจริต และควบคุมพื้นที่การใช้จ่ายได้
ส่วนการใช้งานนั้น ประชาชนไม่ต้องลงทะเบียน แต่ทุกคนจะต้องโหลดแอปพลิเคชันขึ้นมาใหม่ ในรูปแบบของซุปเปอร์แอปฯ ส่วนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้อยู่พื้นที่ห่างไกล เป็นต้น ก็จะต้องยืนยันตัวตนผ่านธนาคารของรัฐ เพื่อรับคิวอาร์โค้ดสำหรับการใช้จ่ายในโครงการ แทนการใช้แอปพลิเคชัน
ส่วนการนำเงินดิจิทัลไปแปลงเป็นเงินสด ให้สิทธิ์เฉพาะร้านค้าที่อยู่ในระบบฐานภาษีเท่านั้น เช่น นาย A ที่ได้สิทธิ์ ไม่สามารถขึ้นเงินสดได้ ต้องไปซื้อของจากร้านค้าเท่านั้น แต่ถ้าร้าน B ไม่ได้อยู่ในฐานภาษี ก็ต้องนำเงินดิจิทัลไปลงทุนซื้อของมาจากร้านที่รับเงินดิจิทัลเท่านั้น เช่น ร้าน C และหากร้าน C อยู่ในระบบภาษี ร้าน C ก็สามารถแปลงเงินดิจิทัลออกมาในรูปของเงินสดได้ และสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ธนาคารของรัฐเท่านั้น
และที่สำคัญรัฐบาลยืนยันว่า สิ่งนี้จะไม่ติดขัดกับกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะไม่ได้เป็นการสร้างสกุลเงินใหม่แต่อย่างใด