Coinbase ถูกก.ล.ต.สหรัฐฯ สั่งฟ้องฐานทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์ฯ หลังฟัน Binance ได้วันเดียว
Date Time: 7 มิ.ย. 2566 13:49 น.
“Summary“
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (ก.ล.ต.) ยื่นฟ้อง Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์คริปโตฯ ในข้อหาเป็นนายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้จดทะเบียน พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้บริษัทถูกควบคุมและสั่งห้ามอย่างถาวร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Binance และ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง ได้เพียงหนึ่งวันเท่านั้น
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (ก.ล.ต.) ยื่นฟ้อง Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์คริปโตฯ ในข้อหาเป็นนายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้จดทะเบียน พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้บริษัทถูกควบคุมและสั่งห้ามอย่างถาวร ไม่ให้ดำเนินธุรกิจดังกล่าวอีกต่อไป
ในคำฟ้องระบุว่า ธุรกิจนายหน้า แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ และบริการ staking ของ Coinbase ได้ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ รวมถึงละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับโครงสร้างบริษัท และหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายหลักทรัพย์ของ ก.ล.ต. เป็นเวลาหลายปี
นอกจากนี้ยังมีการระบุอีกว่า เหรียญคริปโตฯ ที่ Coinbase ได้ให้บริการกับลูกค้ารวมกว่า 13 รายการอย่าง SOL, ADA, MATIC, FIL, SAND, AXS, CHZ, FLOW, ICP, NEAR, VGX, DASH และ NEXO ล้วนถูกจัดชั้นเป็น "หลักทรัพย์"
สำหรับ Coinbase เป็นบริษัทด้านคริปโตฯ ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ถือครองสินทรัพย์มากกว่า 130,000 ล้านเหรียญบนแพลตฟอร์ม (ณ 31 มี.ค. 66) ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ Nasdaq เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2564 ด้วยวิธี Direct Listing ซึ่งเป็นการนำหุ้นของบริษัทมาขายให้นักลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้น โดยไม่ต้องอันเดอร์ไรเตอร์ กล่าวคือ เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ต้องทำ IPO ซึ่งราคาซื้อขายเป็นไปตามกลไกตลาด
โดยในขณะนั้นเคยป็นหุ้น Direct Listing ที่ทุบสถิติมุลค่าสุงสุดที่ 8.57 หมื่นล้านเหรียญ แซงหน้าของ Palantir, Spotify และ Roblox ที่เคยเข้าด้วยวิธีเดียวกันมาก่อนหน้านั้น แต่หลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ประกาศยื่นฟ้อง ส่งผลให้หุ้นของ Coinbase ดิ่งหนักเกือบ 16% มาอยู่ที่ 49.63 เหรียญ
การประกาศยื่นฟ้อง Coinbase นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Binance และ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง ได้เพียงหนึ่งวันเท่านั้น และยังเป็นข้อหาแบบเดียวกันในการทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ แม้ว่าจะเป็นความต้องการคุ้มครองนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายคริปโตฯ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทั้งสองเหตุการณ์นี้ได้สร้างผลกระทบให้กับตลาดคริปโตฯ ในชนิดที่เรียกว่าให้ฟื้นขึ้นมาจากภาวะตลาดหมีที่ประสบมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็คงจะยาก เพราะหลังจากที่เกิดสองเหตุการณ์นี้ขึ้นราคาคริปโตฯ ก็ร่วงยกแผงแดงทั้งกระดาน
แต่อย่างไรก็ตามต้องติดตามกันต่อไปว่าหลังจากนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก และตลาดจะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงเทรดคริปโตฯ ดังนั้นการลงทุนจึงต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก.
Author
