นับว่าเป็นข่าวใหญ่สะเทือนอุตสาหกรรมคริปโตอีกครั้ง กรณีธนาคาร Silvergate เผยแผลใหญ่ที่อักเสบ หวั่นเป็นอีกโดมิโนใหญ่ ที่ได้ออกมายอมรับว่าไม่สามารถส่งรายงานประจำปี 2565 ได้ทันตามกำหนด ด้วยเหตุผลหลักๆ ทั้งผลกระทบจาก FTX และมีปัญหาด้านสภาพคล่อง
โดยก่อนหน้านี้ในไตรมาสที่ 4/2565 Silvergate ต้องเผชิญกับการที่ลูกค้าแห่ถอนเงิน จนต้องเร่งขายหลักทรัพย์มูลค่ากว่า 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และรับรู้ผลการขาดทุนกว่า 718 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในงบการเงินมีผลขาดทุนสุทธิเบื้องต้น 948.7 ล้านดอลลาร์ เทียบกับกำไรสุทธิ 75.5 ล้านดอลลาร์ ในปี 2564
แม้ว่าช่วงปลายปีที่แล้ว สิ่งที่ Silvergate ต้องเผชิญจนประสบปัญหาการขาดทุนไม่ได้มาจากธุรกิจหลัก แต่เป็นผลมาจากการขายพันธบัตรก่อนครบกำหนด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลกระทบได้ลุกลามมายังธุรกิจหลักเช่นกัน
โดยหลังจากที่ Silvergate ได้ออกมาประกาศเรื่องส่งงบไม่ทันแล้ว พันธมิตรต่างพากันชี้แจง และประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจทันที นำโดย Coinbase, Microstrategy, Paxos, Tether, Circle, Crypto.com ตลอดจน Bitstamp เพื่อให้ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทตัวเอง
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Silvergate ได้ประกาศยุติการให้บริการ Silvergate Exchange Network (SEN) ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ซึ่งเป็นเครือข่ายระบบชำระเงินที่ถูกใช้โดยบริษัทคริปโตฯ เป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของทั้งกระดานเทรดขนาดใหญ่ เหมืองขุด และนักลงทุนสถาบันต่างๆ จากทั่วโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าามารถเติมเงินในบัญชีด้วย Stablecoin ที่ตรึงกับค่าเงินดอลลาร์ได้ ซึ่งรับส่งเงินได้เรียลไทม์ โดยบริษัทคริปโตฯ ที่ใช้บริการเครือข่ายดังกล่าวกว่า 1,620 ราย และมีปริมาณธุรกรรมโอนเงินมากกว่า 1.17 แสนล้านดอลลาร์
สำหรับการปิดตัวของ SEN เป็นไปตามแรงกดดันจากการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นของหน่วยงานกำกับดูแลที่ดูเหมือนว่าจะมีส่วนร่วมในการปราบปรามคริปโตฯ ของสหรัฐฯ หลังจากที่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้ง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED), สถาบันประกันเงินฝาก (FDIC) และ สำนักงานผู้ควบคุมเงินตราของสหรัฐอเมริกา (OCC) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเตือนธนาคารเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่เกิดจากการให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ส่งผลกระทบกับ Silvergate โดยตรง
และในขณะเดียวกัน Moody’s ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับเครดิต ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Silvergate จากการที่ไม่สามารถดำรงสภาพคล่องได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด รวมถึงมีข้อบกพร่องในด้านธรรมาภิบาลในด้านการบริหารความเสี่ยงของธนาคารและความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันสำหรับรูปแบบธุรกิจเฉพาะของธนาคารอย่างเหมาะสม.