ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความต้องการของนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค เทคโนโลยีที่ถูกลง และกฎระเบียบใหม่ กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาด
ปัจจุบัน สิ่งต่างๆ ล้วนมีความเชื่อมโยงกันจากระดับโลกสู่ระดับประเทศ สถาบันการเงิน มีความจำเป็นต้องอาศัยเครือข่าย ความเชี่ยวชาญ และโซลูชันต่างๆ ทั้งในแง่แนวคิดและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากลมาปรับใช้เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์และปฏิบัติจริงในระดับประเทศ พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ เพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเป็นส่วนหนึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันอนาคตสู่ความยั่งยืน ธนาคารกสิกรไทย เคแบงก์ ไพรเวทแบงก์กิ้ง และลอมบาร์ด โอเดียร์ ได้ร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมศักยภาพ เสริมแกร่งในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของไทย เพื่อช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และเร่งให้เกิดแนวทางการปฏิบัติที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทั้งกับภาคเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจและชุมชน
อูแบร์ เคลเลอร์ Senior Managing Partner, Lombard Odier กล่าวว่า “เราอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero ซึ่งมาพร้อมโอกาสในการลงทุนอย่างมหาศาล ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลง โดยหันมาให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ซึ่งจากการประชุม COP28 เห็นได้ชัดว่าทรัพยากรมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจระดับโลก ระบบอาหาร ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ดังนั้นระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยใช้แนวทางการฟื้นฟูธรรมชาติจะสามารถช่วยให้เราก้าวข้ามระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้”
ด้าน พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ธนาคารกสิกรไทยมุ่งสู่การเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน และเป็นผู้นำด้าน ESG ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเราพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานภายในของธนาคารเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและยกระดับมาตรฐานสู่สากล
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้พัฒนาบริการที่มากกว่าบริการทางการเงิน (Beyond Banking Solutions) เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ นำโซลูชันต่างๆ พร้อมทั้งแนวคิดที่ดีมาปรับใช้ รวมถึงการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน เพื่อหวังผลักดันให้ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ ปรับตัวไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
“ธนาคารกสิกรไทยได้มีการตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อยั่งยืน 200,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 จาก 2 ปีที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 74,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2567 จะสามารถปล่อยสินเชื่อแตะ 100,000 ล้านบาท โดนเน้น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลุ่มพลังงาน กลุ่มซีเมนต์ และกลุ่มถ่านหิน”
การร่วมมือกับลอมบาร์ด โอเดียร์ เพื่อส่งเสริมศักยภาพแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ผ่านแนวคิด RETHINK SUSTAINABILITY ครั้งนี้ จึงนับเป็นกุญแจสำคัญในการพาประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เคแบงก์ ไพรเวท แบงก์กิ้ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำแนะนำการลงทุน เล็งเห็นว่านักลงทุนคือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวที่มีมูลค่ามหาศาลเท่านั้น แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจแห่งอนาคตไปสู่ความยั่งยืนได้ด้วย
“ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นนักลงทุนตื่นตัวเรื่องนี้กันเยอะมาก มีการใช้เกณฑ์ ESG ประกอบการพิจารณาลงทุนมากขึ้น ประกอบกับหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในและต่างประเทศต่างออกมาตรการด้าน ESG ที่ภาคธุรกิจต้องปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากธุรกิจปรับตัวไม่ทันจะทําให้ต้นทุนในอนาคตสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน แต่หากปรับตัวได้ทันก็จะสามารถคว้าโอกาสไว้ได้”