เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) หรือเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม ลดการทิ้ง หรือลดการปล่อยของเสียออกจากโรงงาน และหันไปเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดแทน โดยเฉพาะการจัดการของเสียจากโรงงานหนึ่งๆ ไม่ว่าจะเป็นของเสียอันตรายหรือไม่ เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ สิ่งแวดล้อม และชุมชน คงเป็นภาพที่เราอยากเห็นมากที่สุด ภายใต้คำว่า “ยั่งยืน” ที่ประเทศไทยกำลังเดินไปในทุกๆ มิติ
ล่าสุด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน มีการประกาศความร่วมกับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้ประกอบธุรกิจภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ จัดพิธีแถลงความร่วมมือ แสดงเจตนารมณ์การส่งเสริมการบริหารจัดการโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) ด้วยการเลือกใช้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ได้รับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศด้วยตราสัญลักษณ์ Eco Factory For Waste Processor
ความร่วมมือ 4 ฝ่าย มีโรงงานไทยผ่านมาตรฐาน 379 แห่ง
ย้อนไป ส.อ.ท. และ กนอ. มีความร่วมมือในการพัฒนามาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ตั้งแต่ปี 2560 ขณะในปี 2565 ที่ผ่านมา มีการร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม พัฒนามาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory For Waste Processor) ขึ้น เพื่อให้การรับรองแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานประเภท 101, 105 และ 106 ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการในด้านการบำบัด กำจัด หรือรีไซเคิลกากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการปฏิบัติตามกฎหมาย และมีการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โดยเป็นการแสดงประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่าง 4 ฝ่าย ได้แก่ ส.อ.ท. กนอ. กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม และผู้ประกอบการจัดการของเสียอุตสาหกรรม เป้าหมายเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Waste Processor) ได้รับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) ครบ 100% ภายในปี 2568
ซึ่งปัจจุบัน กนอ. และ ส.อ.ท. ได้ให้การรับรองโรงงานอุตสาหกรรมภายใต้มาตรฐาน Eco Factory จำนวน 379 แห่ง และมาตรฐาน Eco Factory for Waste Processor จำนวน 9 แห่ง และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมจำนวน 18 แห่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายภายในปี 2569 ให้เกิดการผลักดัน ส่งเสริม และสนับสนุนการบริหารจัดการโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) ส.อ.ท. และกนอ.
ขณะ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก และกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ก็ได้ร่วมแสดงจุดยืนและประกาศเจตนารมณ์การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่เป็นคู่ค้าธุรกิจขอรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
สำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) อย่างน้อยในระดับพื้นฐาน (Beginner) และ/หรือสนับสนุนการเลือกใช้บริการผู้ประกอบการจัดการของเสียอุตสาหกรรมที่ได้รับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) นับเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องตามโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดเป็น Sustainable Supply Chain และความยั่งยืนในการดำเนินอุตสาหกรรมต่อไป
โซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “ด้วย ส.อ.ท. มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้เป็นไปอย่างยั่งยืน เกิดสมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดรับกับนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบ BCG ของรัฐบาล ด้าน Green Economy และ Circular Economy ส.อ.ท. ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสมาชิกของ ส.อ.ท. มีการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกวิธีและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัย
ส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มผู้รับบำบัด กำจัดของเสีย ยกระดับมาตรฐานการจัดการกากอุตสาหกรรมด้วยตราสัญลักษณ์ Eco Factory For Waste Processor รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนของเสีย (Circular Material Hub) เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและผลิตภัณฑ์พลอยได้ โดยอาศัยแนวคิดการเปลี่ยน waste จากอุตสาหกรรมหนึ่งไปเป็นวัตถุดิบ หรือ Materials ให้อีกอุตสาหกรรมหนึ่ง ตามหลัก Circular Economy”
ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า “เพื่อขยายผลความร่วมมือดังกล่าว และเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการมีการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและขอรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) เพิ่มมากขึ้น กนอ. ได้ประกาศสิทธิประโยชน์/มาตรการจูงใจต่อการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สำหรับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม
โดยผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ระดับ 3 ขึ้นไป หรือธงขาวดาวทอง จะได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นค่าบริการคำขอด้านการใช้ที่ดินและประกอบกิจการ และด้านสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2567 โดยสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ผ่านระบบอนุมัติอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ (e-Permission Privilege : e-PP) ของ กนอ.”
ทั้งนี้ ในภาคส่วนของผู้ประกอบกิจการภาคอุตสาหกรรม ได้ประกาศเจตนารมณ์พร้อมทั้งแสดงจุดยืนภายในงานเพื่อเน้นย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรที่มีต่อการส่งเสริมการบริหารจัดการโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนด้วยการเลือกใช้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ได้รับรอง Eco Factory for Waste Processor
SCG - IRPC - PTT มุ่งสู่เป้าหมาย
นายปรีดา วัชรเธียรสกุล Vice President-Manufacturing บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “SCGC ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดัน Sustainable supply chain ด้วยการเลือกใช้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ได้รับรองตราสัญลักษณ์ Eco Factory For Waste Processor ซึ่งปัจจุบัน SCGC ได้สื่อสารไปยังคู่ค้าในเรื่องของนโยบายการพิจารณาใช้บริการผู้รับกำจัดของเสียที่ได้รับรองมาตรฐาน Eco Factory for Waste Processor เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการบริหารจัดการของเสีย ตลอดทั้ง Supply chain ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป”
นายประนาช โกศายานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์ แผนและพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “IRPC มีความุ่งมั่นและยินดีอย่างยิ่งที่ร่วมเป็นกำลังขับเคลื่อน ผลักดัน และสนับสนุนการบริหารจัดการโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน โดยในฐานะของผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่เป็นคู่ค้าธุรกิจขอรับรองมาตรฐานโรงงานได้รับรองมาตรฐาน Eco Factory for Waste Processor อีกทั้งจะเลือกใช้ผู้ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ดังกล่าว”
ด้านนายเสขสิริ ปิยะเวช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานคุณภาพความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วย GC ตระหนักถึงการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน จึงขอร่วมส่งเสริมนโยบายดังกล่าว และพร้อมที่จะดำเนินการตามวัตถุที่วางไว้ภายในปี 2569”
11 กลุ่มอุตสาหกรรม ตอบรับ BCG ภาครัฐ
ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และในนามผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ ส.อ.ท. กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นดำเนินอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Becoming Environmental Friendly Industry) และมีความรับผิดชอบต่อสังคม (Committed to Social Responsibility Engagement)
จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ร่วมเป็นกำลังขับเคลื่อน ผลักดัน และสนับสนุนการบริหารจัดการโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) ด้วยการเลือกใช้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) และด้วยบทบาทหน้าที่ของการประกอบกิจการภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) และเป็นผู้บำบัดกำจัดของเสีย (Waste Processor) จึงมีเป้าหมายการขับเคลื่อนร่วมกัน ในบทบาทที่แตกต่างกัน ดังนี้
1) เป้าหมายการส่งเสริมในฐานะของผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่เป็นคู่ค้าธุรกิจขอรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) อย่างน้อยในระดับพื้นฐาน (Beginner) และ/หรือสนับสนุนการเลือกใช้บริการผู้ประกอบการจัดการของเสียอุตสาหกรรมที่ได้รับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) ภายในระหว่างช่วงปี 2568-2569 ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประโยชน์สูงสุด ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งสอดคล้องตามนโยบาย BCG ของภาครัฐ นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
2) เป้าหมายการส่งเสริมในฐานะของผู้บำบัดกำจัดของเสีย (Waste Processor) จะมุ่งสู่การขอรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) อย่างน้อยในระดับพื้นฐาน (Beginner) ภายในปี 2568 ตามนโยบายการส่งเสริมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงการยกระดับการรับรองอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสู่ Sustainable Supply Chain ต่อไป”.