หากกล่าวถึง “The First Bank of Thailand” ธนาคารไทยแห่งแรก ที่มีประวัติศาสตร์การก้าวผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจมามากมาย จนก้าวหน้าเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศไทย ชื่อของ “ธนาคารไทยพาณิชย์” คงเป็นชื่อแรกที่ใครๆ ก็นึกถึง
ล่าสุดได้ก้าวไปอีกขั้นกับการตอกย้ำกลยุทธ์ “Digital Bank with Human Touch” เดินหน้ารุกตลาดบริหารความมั่งคั่งหนึ่งในธุรกิจสำคัญของธนาคาร ปูทางสู่การเป็นดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารธุรกิจความมั่งคั่ง ด้วยแนวคิด SCB WEALTH “Your Success. Our Success.” ความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา
ผ่านการนำเสนอโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวมโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Holistic and Customer-Centric Wealth Management Solution) ควบคู่กับการยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้าแบบไร้รอยต่อ ผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ เชื่อมโยงบริการ และยกระดับกระบวนการทำงานรูปแบบใหม่ เพื่อเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าในฐานะคู่คิดที่ดูแลเคียงข้างและเข้าใจทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิต
ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2569 ขึ้นแท่นธนาคารที่เป็นอันดับหนึ่งด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ด้านสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน (Asset Under Advisory: AUA), ความพึงพอใจของลูกค้า (Net Promoter Score: NPS) และการบริหารภาพรวมพอร์ตโฟลิโอให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Portfolio Growth)
บริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวม โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลกและประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% โดยคาดการณ์ว่าในปี 2571 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทยจะมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ไทยพาณิชย์จึงมองเห็นถึงโอกาสจากการเติบโตของตลาดและจากการเป็นสถาบันทางการเงินอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ทำให้เราสามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร ที่สำคัญธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) นับเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่สร้างการเติบโตให้กับธนาคาร”
โดยดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ซึ่งผลดำเนินงานด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งปี 2567 ที่ผ่านมา ยังคงมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในทุกด้าน สะท้อนจากความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับธนาคารในการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน Asset Under Advisory เพิ่มขึ้น 10% ยอดสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้าเวลธ์ (Wealth Lending) และการมอบโซลูชันการดูแลบริหารจัดการ การลงทุน ความคุ้มครอง ผ่านช่องทางธนาคาร ที่ยังคงครองอันดับ 1
“เรายังคงสร้างความมั่นใจและผลตอบแทนที่โดดเด่นให้กับลูกค้าด้วยยอดขายอันดับ 1 ในผลิตภัณฑ์หุ้นกู้อนุพันธ์แฝง (Structured Products) 4 ปีซ้อน พร้อม 10 รางวัลการันตีจากสถาบันระดับโลก”
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้ายกระดับประสบการณ์การบริหารความมั่งคั่งด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ผ่าน SCB WEALTH LINE OA, บริการ AI Advisory Chatbot, WEALTH4U และ MY ALERT
จากการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และโซลูชันด้านการเงินการลงทุน เราจึงได้ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้า และพบว่าสิ่งที่ลูกค้ามองหาจากธนาคารในการดูแลและบริหารความมั่งคั่งคือ ความจริงใจ ใส่ใจ ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่ง และสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน มีผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านการเงินการลงทุนที่ครบวงจร
และในปีนี้ SCB WEALTH ได้วางเป้าหมายธุรกิจบริหารความมั่งคั่งภายใต้แนวคิด “Your Success. Our Success.” ความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา นำเสนอโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวมโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Holistic and Customer-Centric Wealth Management Solution) ผสานศักยภาพจากบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX อาทิ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM), บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) บล. ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer)
พร้อมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย เข้ากับขีดความสามารถในการให้คำปรึกษา (Advisory Capability) ในการนำเสนอโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า SCB WEALTH จำนวนกว่า 500,000 ราย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ SCB PRIME, SCB FIRST และ SCB PRIVATE BANKING ทั้งด้านเป้าหมายชีวิต และเป้าหมายด้านการลงทุน
โดยยึด 3 แกนหลักอันเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ได้แก่
1. Customer Centricity: คิดจากคุณ เพื่อความสำเร็จในแบบเฉพาะคุณ มุ่งเน้นเป้าหมายและความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงชีวิตอย่างลึกซึ้ง และยึดผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นที่ตั้ง โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เหมาะสมในทุกมิติ ด้วยบริการวางแผนกับที่ปรึกษาด้านการบริหารและต่อยอดความมั่งคั่งมืออาชีพ โดยนำเสนอโซลูชันผ่าน 3 แนวคิดใหม่ ดังนี้
● ลูกค้ารู้สึกไม่เป็นธรรม เมื่อต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียม แม้ตลาดติดลบ นำเสนอแนวคิดใหม่ของการลงทุน No Gain, No Pay ไม่เก็บค่าธรรมเนียมหากมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ถึงเป้าหมาย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ No Gain, No Pay ซึ่งหลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนสามารถบรรลุเป้าหมายภายที่วางไว้ภายใน 1 เดือน 13 วัน จากที่ตั้งเป้าที่ 8 เดือน
● ลูกค้ามีความกังวลเรื่องตลาดผันผวน นำเสนอแนวคิด Capital Protected Fund การลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ ลดการขาดทุนเงินต้น พร้อมผลตอบแทนที่สูงกว่าการเงินทั่วไป ด้วยยอดขายตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน กว่า 1 แสนล้านบาท
● ลูกค้าไม่รู้ว่าจะต้องวางแผนบริหารความมั่งคั่งให้ครอบคลุมทุกมิติได้อย่างไร นำเสนอแนวคิด Innovative Holistic Advisory Solution ออกแบบโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลที่ตรงตามความต้องการที่หลากหลาย อาทิ การต่อยอดทางการเงิน การดูแลบริหารจัดการ ความคุ้มครอง รวมถึงการส่งต่อความมั่งคั่ง เพื่อสร้างผลลัพธ์ความสำเร็จที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
2. Hyper-Personalization: ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพื่อคุณโดยเฉพาะ ยกระดับประสบการณ์การบริหารความมั่งคั่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายบุคคล ผสานศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ในการดูแลลูกค้าอย่างตรงใจและไร้รอยต่อในทุกมิติ
3. Go Global: ทุกที่ที่มีโอกาส เราให้คุณไปถึงได้ทั่วโลก เปิดโลกการลงทุนสู่ตลาดโลก พร้อมต่อยอดความมั่งคั่งด้วยโซลูชันทางการเงิน การลงทุน และยกระดับการให้คำปรึกษาสู่มาตรฐานระดับโลก อาทิ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ และล่าสุด จับมือ BlackRock ผู้นำทางการลงทุนระดับโลก ในการนำเสนอโซลูชันด้านการลงทุนสำหรับลูกค้าไทยพาณิชย์โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความหลากหลายทั้งสินทรัพย์ดั้งเดิม และสินทรัพย์ทางเลือก
“ทั้งหมดนี้เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสำคัญของไทยพาณิชย์ ในการเป็นธนาคารที่เป็นอันดับหนึ่งด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ภายในปี 2569 ด้วยการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน Asset Under Advisory เติบโต Double Digit จากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity เติบโตกว่า 2 เท่า ลูกค้า Active ด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 30% และสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Go Global เติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท ขณะที่ยังคงสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และรักษาผลตอบแทนสะสมที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าเหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง” กฤษณ์ กล่าวทิ้งท้าย
คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน