Thairath Money สรุป 5 บทเรียนการลงทุนจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในจดหมายผู้ถือหุ้น บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ประจำปี 2025 อะไรที่นักลงทุนต้องเรียนรู้และรับมือ
เป็นประจำทุกปีที่นักลงทุนทั่วโลกต่างเฝ้ารอจดหมายถึงผู้ถือหุ้นที่เขียนโดย วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนคุณค่าระดับตำนาน เจ้าของบริษัท Berkshire Hathaway กลุ่มธุรกิจโฮลดิ้งซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลก โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาด 1.032 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้จดหมายดังกล่าวจะระบุถึงผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บทเรียนการลงทุน และแนวโน้มที่ส่งผลต่อการลงทุนในอนาคต ซึ่งหลายคนคาดว่านี่อาจเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่บัฟเฟตต์จะเขียนด้วยตัวเอง เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาประกาศเตรียมวางมือธุรกิจ เนื่องจากมีอายุมากแล้วถึง 94 ปี และส่งไม้ต่อให้กับ Greg Abel ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอ
Thairath Money สรุป 5 บทเรียนการลงทุนจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในจดหมายผู้ถือหุ้นประจำปี 2025 อะไรที่นักลงทุนต้องเรียนรู้และรับมือ
บัฟเฟตต์เปิดจดหมายด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยกล่าวถึงจุดประสงค์ของการเขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเป็นประจำทุกปีว่า Berkshire ในฐานะบริษัทมหาชน นอกจากหน้าที่ในการจัดทำรายงานประจำปี แจ้งงบการเงินหรือการแจ้งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทแล้ว บริษัทควรที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจแก่นักลงทุนในฐานะเจ้าของบริษัทร่วม ซึ่งเป็นหลักการที่บริษัทยึดถือมาโดยตลอด
บัฟเฟตต์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อผิดพลาดในการเข้าลงทุนธุรกิจของ Berkshire ในช่วงที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่ามีหลายครั้งที่เขาประเมินอนาคตธุรกิจที่ซื้อมาผิดพลาด ทำให้การจัดสรรเงินลงทุนผิดพลาดตามไปด้วย ซึ่งเป็นอคติที่เกิดจากการเป็นเจ้าของธุรกิจ รวมถึงการตัดสินใจจ้างผู้จัดการกองทุนที่ไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งเขามองว่าความผิดหวังดังกล่าวสร้างความเจ็บปวดมากกว่าผลกระทบทางการเงินเสียอีก เหมือนกับความผิดหวังจากการแต่งงานที่ล้มเหลว อย่างไรก็ตามท่ามกลางความผิดพลาดมากมาย แต่การตัดสินใจที่ประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างความแตกต่างที่น่าทึ่งได้ในระยะยาว เช่น การตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของ GEICO และปรับโครงสร้างให้กลายเป็นบริษัทลูกในเครือ Berkshire Hathaway การเลือก Ajit Jain มาเป็นผู้บริหารด้านธุรกิจประกันภัย หรือการพบกับ Charlie Munger ซึ่งกลายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและเพื่อนคู่คิดที่ดีที่สุด
โดยในช่วงปี 2019-2023 บัฟเฟตต์ยอมรับว่าเขาเขียนคำว่า “ความผิดพลาด” หรือ “ข้อผิดพลาด” ถึง 16 ครั้งในจดหมายที่เขียนถึงผู้ถือหุ้น ในขณะที่บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งหลีกเลี่ยงการใช้ทั้งสองคำนี้
แม้ว่าปัจจุบัน Berkshire จะถือเงินสดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากลดสัดส่วนการถือหุ้น Apple และ Bank of America ไปจำนวนมากในปีที่ผ่านมา แต่การลงทุนในหุ้นยังมีสัดส่วนมากกว่า ทั้งนี้บริษัทในเครือยังเป็นแหล่งรายได้หลักอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันภัย GEICO, BNSF Railway รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่หลายคนคุ้นเคย เช่น Dairy Queen และ See’s Candy ซึ่งเมื่อรวมรายได้แล้ว เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากการถือเงินสด 1.67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2024
ธุรกิจประกันยังเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยในไตรมาส 4 ปี 2024 Berkshire มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 71% มาอยู่ที่ 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รับแรงหนุนจากธุรกิจประกันและดอกเบี้ยขาขึ้น โดย GEICO มีผลประกอบการแข็งแกร่งจากการขยายฐานลูกค้าและทำกำไรจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า
Berkshire ยังคงยึดมั่นในการลงทุนหุ้นมากกว่าเงินสด โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจระดับโลก โดยมองว่าการถือเงินสดมีแต่จะเสื่อมมูลค่าลงเรื่อยๆ แต่ธุรกิจที่ดีซึ่งขับเคลื่อนโดยคนที่มีความสามารถจะหาทางรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินได้ ตราบเท่าที่สินค้าหรือบริการของพวกเขายังเป็นที่ต้องการของคนในประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้บัฟเฟตต์ต้องพึ่งพาความสำเร็จของธุรกิจอเมริกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ที่มา
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney