ทองคำเป็นทรัพย์สินมีค่าชนิดหนึ่งที่สามารถรักษามูลค่าของตัวเองได้มั่นคงถาวร ไม่เสื่อมสภาพหรือเสื่อมค่าลง นอกจากนี้แล้ว ทองคำยังจะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีกเมื่อเวลาผ่านไป สวนทางกับค่าเงินที่ด้อยค่าลงจากอัตราเงินเฟ้อ ที่สำคัญทองคำยังสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีที่ต้องการ
ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานกรรมการบริหาร และทายาทเจ้าของธุรกิจค้าทองคำแท่ง ‘GCAP GOLD’ กล่าวว่า ออมทอง คือ การซื้อทองคำแบบใหม่ ที่ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาซื้อทองคำ แต่จะเป็นในรูปแบบทยอยสะสมทีละเล็กทีละน้อย เพื่อรับผลตอบแทนจากราคาทองในอนาคต หรือออมเพื่อซื้อทองคำแท่ง โดยการออมทองสามารถเริ่มต้นออมได้ด้วยเงินเพียงหลักร้อยต่อวันเท่านั้น ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขของร้านจำหน่ายทองที่เปิดให้ซื้อขายแบบออมทองได้ รวมทั้งยังสามารถทำการออมผ่านแอปพลิเคชันได้ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันการออมทองได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักลงทุนและนักออมเงิน เนื่องจากการออมทองเป็นการกระจายความเสี่ยงของผู้ออมเงิน ที่กังวลในเรื่องค่าเงินที่อาจต่ำลงและให้ผลตอบแทนน้อยกว่าค่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จึงถือได้ว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงในปัจจุบันเลยก็ว่าได้
“การออมทองเป็นประโยชน์ และถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง wealth ทุกคนควรมีสิ่งที่เรียกว่าการออม และการออมทองก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถชนะเงินเฟ้อได้ และราคาทองมีแต่ขึ้น ซึ่งการออมทองควรทำเป็นวินัย และเป็นการ DCA เพื่อตัดเรื่องอารมณ์ออก และให้ได้ราคาถัวเฉลี่ยที่ดี ซึ่งจะทำให้มีความมั่นคงและมั่งคั่งในอนาคตได้ ส่วนราคาทองที่ขึ้นมีผลต่อการออมทองบ้าง”
ขณะเดียวกันลักษณะการซื้อโดยวิธีออมทอง เป็นไปในลักษณะที่ผู้ซื้อเปิดบัญชีออมทองกับร้านทอง เมื่อเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องโอนเงินเข้าไปในบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้กับร้านทองเดือนละครั้ง เพื่อให้ร้านทองตัดเงินจากบัญชีผ่านทางธนาคาร เพื่อนำเงินไปซื้อทองตามที่ได้ตกลงกัน ซึ่งร้านทองจะเป็นผู้เก็บรักษาทองคำที่ซื้อไว้ให้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝาก เมื่อได้ปริมาณทองถึงเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถไปขอรับทองจากร้านทองมาเก็บรักษาไว้เองได้ตามต้องการ
ส่วนใหญ่จะเริ่มรับทองคำแท่งได้เมื่อสะสมทองครบ 1 กรัม เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การฝากเงินเพื่อซื้อทอง ขั้นต่ำต้องไม่น้อยกว่าเดือนละ 500 บาท สามารถเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินออมในแต่ละเดือน และหยุดพักการออมได้
ขณะที่ประโยชน์ของการลงทุนด้วยการออมทอง ช่วยสามารถทำกำไรจากราคาทองได้ตลอดเวลา ต่างจากการผ่อนทอง ที่ต้องจ่ายเท่าๆ กันทุกเดือนจนครบจำนวน ซึ่งอาจมีดอกเบี้ยแฝง ดังนั้นหากจะลงทุนซื้อทองเพื่อขายเอากำไร ควรหลีกเลี่ยงการซื้อโดยวิธีผ่อนทอง และหันไปใช้วิธีออมทองจะได้ประโยชน์มากกว่า
“ในตลาดจะมีการออมกับกลุ่มร้านทอง เป็นการออมทองรูปพรรณ บางร้านจะเป็นการกำหนดระยะเวลาการออมแบบบังคับ ห้ามหยุดพัก ไม่อย่างนั้นก็จะมีการยกเลิก แต่กับของ GCAP เราเข้าใจลูกค้าว่าบางครั้งคนเราก็อาจจะมีสถานการณ์การเงินที่ติดขัด ลูกค้าจึงสามารถพักการออมได้ โดยที่บัญชีออมยังคงอยู่ และบางที่ก็ไม่สามารถขายทองคืนในระบบได้ ต้องรอให้ครบจำนวนที่สามารถเบิกเป็นทองคำแท่งได้ ถึงจะสามารถรับเป็นทองคำออกไปได้ แล้วถ้าลูกค้าอยากได้เป็นเงิน ก็จะต้องนำทองแท่งที่ได้รับนั้นไปขายอีกที ทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรและเสียเวลา หรือบางกรณีอาจจะโดนหักค่าธรรมเนียมในการขายได้” ธนพิศาล กล่าว
ดังนั้น ระหว่างออมทองแล้วขาย VS ซื้อทองคำแท่งมาเก็บแล้วขาย แบบไหนดีกว่ากัน ธนพิศาล มองว่า ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และแต่ละโปรดักต์ตอบโจทย์ใครมากกว่า ซึ่งโปรดักต์ไม่เหมือนกัน การออมทองเป็นการซื้อราคาเฉลี่ยและค่อยๆ ทยอยเก็บ ถ้าทองขาขึ้นยังไงก็กำไร แต่ไม่ได้หวือหวา ส่วนทองคำแท่งหากซื้อถูกเวลาก็กำไร หากซื้อแพงก็กำไรน้อย แต่มีโอกาสมากกว่าในการทำกำไรมากกว่าการออม ดังนั้นอะไรดีกว่าอยู่ที่เลือกว่าหากไม่เสี่ยงมากก็จะออมทอง แต่หากอยากได้กำไรและเสี่ยงได้ก็ซื้อเป็นทองคำแท่ง โดยที่การออมทองต้องออมกับธุรกิจที่มีความมั่งคง
ทั้งนี้ ออมทองมีโอกาสโตเรื่อยๆ เพราะเป็นนักลงทุนสมัยใหม่ เริ่มมีเงินเก็บ จึงหันมาออมทองมากขึ้น ส่วน เพชร หยก อัญมณี เป็นสินทรัพย์ที่คืนกำไรมากกว่าทองมากน้อยแค่ไหน? มองว่า “ทอง” มีสภาพคล่องสูงกว่ามาก
“ดังนั้นในมุมของเราต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของราคา การซื้อ การขาย ที่คล่องตัว เราจึงพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และสอดรับกับโอกาสที่มากับราคาทองที่พุ่งสูงขึ้น”
ทั้งนี้ บริษัท จีแคป จำกัด (GCAP GOLD) ในฐานะผู้นำเข้าและส่งออกทองคำรายใหญ่ของไทย ให้บริการเทรดทอง, ออมทอง, ทองคำแท่ง และ Gold Gift Card มีลูกค้าในระบบประมาณ 4,000 ราย ส่วนในแอปพลิเคชันมีผู้ใช้งานราว 1,000 ราย ก็ได้มองเห็นการเติบโตของตลาดค้าทองคำ ที่มีผู้เล่นในตลาดประมาณ 10 ราย
ดังนั้นในฐานะ Top 5 ของวงการนี้ จึงต้องปรับตัวให้ทัน พร้อมกับหาลูกค้าฐานใหม่ๆ เพื่อเข้าไปถึงนักลงทุนให้ได้ ส่วนกลยุทธ์ที่จะทำให้เหลือกว่าคู่แข่ง คือ “เงิน” จะต้อง “รวดเร็ว” และ “ทองคำ” ต้องมีให้ลูกค้า จึงสรุปได้ว่าเมื่อโลกเปลี่ยน สินค้าเปลี่ยน การลงทุนเปลี่ยนไป จะต้องตามให้ทัน ต่อไปจะมีการนำ AI มาใช้ช่วยในการวิเคราะห์ราคาทอง เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้ง่ายที่สุด และคาดว่าภายใน 3 ปี จะเติบโตมากกว่านี้อีกเท่าตัว