นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีเอ็มบีธนชาตมุ่งมั่นขับเคลื่อนพันธกิจให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ผ่านกลยุทธ์หลัก Ecosystem Play ต่อยอดจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าสู่โซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้า ด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง สยามโกลบอลเฮ้าส์ ออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดร่วม ttb Global House
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเข้าถึงโซลูชันทางการเงินได้ครบครันที่ ttb Financial Center for Global House สำหรับ 6 สาขาใหญ่ และ Pop Up Store สำหรับสาขาอื่นๆ ของโกลบอลเฮ้าส์ ทั่วประเทศ และเร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ My Home ในแอปฯ ttb touch ที่ช่วยบริหารจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านได้ง่ายขึ้น
สำหรับสิทธิประโยชน์บัตรเครดิต ttb Global House มีดังนี้
-รับส่วนลดเพิ่ม 3% เมื่อช็อปผลิตภัณฑ์ใดๆ ยกเว้นวัสดุก่อสร้าง
-รับส่วนลด 5% เมื่อใช้บริการใดๆ ที่โกลบอลเฮ้าส์
-ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน ที่โกลบอลเฮ้าส์ และยังทำรายการแบ่งจ่าย 0% นาน 3 เดือน ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปฯ ttb touch ได้ทุกรายการใช้จ่ายที่มียอดตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป/เซลล์สลิป
-รับคะแนนสะสม 1 คะแนน ทุกการใช้จ่าย 25 บาท รวมถึงวัสดุก่อสร้าง
สำหรับบัตรกดเงินสด ttb Global House มอบสิทธิประโยชน์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 36 เดือนที่โกลบอลเฮ้าส์
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ตั้งเป้าหมายการมุ่งสู่ Top 4 ผู้นำตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใน 3 ปี ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ ก็คือการผนึกความแข็งแกร่งกับ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ผ่านมา พบว่า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดธุรกิจก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ttb Global House จึงช่วยตอบโจทย์และสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยให้ลูกค้าโกลบอลเฮ้าส์ ได้เข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ ทีทีบี คาดว่าจะสามารถมียอดสมัครบัตรเครดิต ttb Global House จำนวน 40,000 บัตร และบัตรกดเงินสด ttb Global House จำนวน 20,000 บัตร รวมถึงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท
เมื่อถามถึงผลกระทบจากการสิ้นสุดมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มบีธนชาต ให้ความมั่นใจว่า การสิ้นสุดมาตรการดังกล่าวแทบไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ของธนาคาร เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการบริหาร NPL ด้วยการขายพอร์ตหนี้เสียและตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดโควิด สะท้อนผ่านผลประกอบการในไตรมาส 2/2566 ที่ NPL อยู่ในระดับต่ำที่ 2.63% โดย ความพยายามลดการพึ่งพามาตรการช่วยเหลือจาก ธปท.จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธนาคาร เพื่อพร้อมรับมือกับวิกฤติต่างๆ ที่เข้ามากระทบได้