ไทยกรุ๊ปชู 3 เสาหลักรุกผงาด พร้อมเต็มร้อยปรับตัวรับกระแสการเปลี่ยนแปลง

Personal Finance

Insurance

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ไทยกรุ๊ปชู 3 เสาหลักรุกผงาด พร้อมเต็มร้อยปรับตัวรับกระแสการเปลี่ยนแปลง

Date Time: 30 พ.ค. 2567 07:01 น.

Summary

  • ไทยกรุ๊ปฯ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินในเครือทีซีซี ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี พร้อมรุกผงาด “บิ๊กโชติพัฒน์” ประธานกรรมการบริหาร รัวกลองลุยศึกทั่วด้าน ชู 3 เสาหลักทั้งประกันชีวิต ประกันภัย และการเงิน เดินหน้าเต็มตัว ย้ำตีโจทย์ให้แตก พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง

Latest

AI พายุใหญ่นักการเงิน เชื่อทดแทนคนไม่ได้ คปภ.เตรียมคุมใช้ ฝั่งประกันภัย เข้มจริยธรรม

นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือไทยกรุ๊ปฯ (TGH) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ไทยกรุ๊ปฯ หรือ TGH มี 3 เสาหลักในการดำเนินธุรกิจ คือ ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจการเงิน (ลีสซิ่งและสินเชื่อองค์กร)

โดยมีบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (SE Life) ดูแลในธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งได้อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี ให้บริการประกันชีวิตและบริการทางการเงิน พร้อมช่วยวางแผนการเงินในทุกช่วงชีวิต จึงเป็นบริษัทประกันที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้อย่างครบวงจร

ส่วนธุรกิจประกันภัย มีบริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ มุ่งเป็นสถาบันประกันวินาศภัยครบวงจรที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล โดยอยู่เคียงคู่คนไทยมากกว่า 75 ปี มีอู่ในเครือมากกว่า 780 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับธุรกิจการเงิน (ลีสซิ่งและสินเชื่อองค์กร) มีบริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด ทำหน้าที่ดูแลในกลุ่มนี้ โดยนับเป็นผู้นำในการให้บริการรถเช่าเพื่อธุรกิจมากว่า 27 ปี พร้อมด้วยประสบการณ์ในการให้บริการ จนเป็นหนึ่งในใจลูกค้าเสมอมา ปัจจุบันมีรถให้เช่าเพื่อธุรกิจถึง 23,000 คันนับว่ามากสุดในไทย

ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มแบ่งเป็น ธุรกิจประกันชีวิต 50% ธุรกิจประกันภัย 30% และธุรกิจการเงิน (ลีสซิ่งและสินเชื่อองค์กร) 20%

โชติพัฒน์ พีชานนท์
โชติพัฒน์ พีชานนท์

พร้อมปรับตัวรุกรบ

“การดำเนินธุรกิจของไทยกรุ๊ปฯไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะแค่ในส่วนของกลุ่มทีซีซี แต่ได้มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะเปิดกว้าง นั่นคือได้มีการดีลกับลูกค้าทั่วไปอีกด้วย เห็นได้จากการทำธุรกิจรถเช่า มีลูกค้าองค์กรที่อยู่นอกกลุ่มทีซีซีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลูกค้าองค์กรส่วนใหญ่จะเป็นตลาดราชการ ขณะที่ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยก็มีการดำเนินธุรกิจแบบเปิดกว้างเช่นกัน”

ปัจจุบันจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่สดใสมากนัก ขณะที่การแข่งขันในตลาดของ 3 กลุ่มธุรกิจหลักมีการแข่งขันที่เข้มข้น ที่สำคัญจากพฤติกรรมของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำตลาดของไทยกรุ๊ปฯ จึงต้องมีการปรับตัวและตื่นตัว พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของพฤติกรรมของลูกค้า และเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ต้องมีการเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ และยังต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของดาต้าหรือข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ทางไทยกรุ๊ปฯจึงได้มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเฉพาะเพื่อการนี้ ซึ่งนอกจากรองรับธุรกิจของบริษัทแล้ว ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการทำรายได้ ด้วยการไปรับงานจากบริษัทอื่นๆทั้งที่อยู่ในเครือไทยทีซีซีและนอกเครือ

“การทำตลาดทุกวันนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนและหลากหลาย ยิ่งการที่พฤติกรรมของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงและต้องมีความรอบคอบในการดำเนินธุรกิจ ที่สำคัญยังต้องมองหรือคาดการณ์ตลาดในอนาคตว่าเป็นอย่างไรและเพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง”
ดังนั้น ในขณะนี้ทางไทยกรุ๊ปฯจึงได้ให้ความสนใจกับเรื่องเอไอ (AI) “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial intelligence) โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาเพื่อนำมาใช้งานใน 3 ธุรกิจหลักของไทยกรุ๊ปฯ เพราะเห็นว่าโลกยุคใหม่จำเป็นต้องมีการนำเอไอมาใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจ

มองเทรนด์ให้ออก

นายโชติพัฒน์กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของลูกค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เช่น ธุรกิจประกันชีวิตจะต้องมีการปรับรูปแบบของประกันชีวิตให้มีความหลากหลายและยืดหยุ่นเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง โดยจากการที่ช่วงหลังมีปัญหาโรคภัยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ “โควิด” และ “มะเร็ง” ทำให้ผู้บริโภคได้ให้ความสนใจกับเรื่องการประกันชีวิตและประกันสุขภาพมากขึ้น

โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็เพิ่มความสนใจที่จะทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพกันมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาด ให้สามารถออกแบบรูปแบบการประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่โดนใจลูกค้า

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจรถเช่า ซึ่งปัจจุบันไทยกรุ๊ปฯถือเป็นผู้นำในตลาดรถเช่า โดยมีรถที่ปล่อยให้เช่าถึง 23,000 คัน โดยเป็นลูกค้าองค์กรทั้งตลาดราชการและเอกชน ซึ่งจริงๆเราเองก็มีศักยภาพมากพอที่จะขยายจำนวนรถเช่าให้ได้มากกว่า 23,000 คัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญของการทำธุรกิจนี้ เพราะหัวใจหลักของธุรกิจนี้ คือต้องสามารถหาทางปล่อยหรือระบายรถเช่าที่ครบอายุ 5 ปีได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นสต๊อกในมือเนื่องจากการทำธุรกิจรถเช่าของไทยกรุ๊ปฯจะเน้นปล่อยรถเช่าที่มีอายุใช้งานไม่เกิน 5 ปี ดังนั้นในขณะนี้จึงได้พยายามรักษาระดับของรถเช่าในมืออยู่เพียง 23,000 คัน

“ขณะเดียวกันจากกระแสรักษ์โลก ทำให้หลายองค์กรต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน ทางไทยกรุ๊ปฯก็พร้อมจัดหาให้ได้เสมอ”

อย่างไรก็ดี เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นของใหม่ในสังคมไทย ในช่วงระยะการเปลี่ยนผ่านนี้จึงมีหลายปัญหาที่ทั้งไทยกรุ๊ปฯและลูกค้าก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เช่น ลูกค้าองค์กรรายหนึ่งต้องการให้จัดหารถยนต์ไฟฟ้าถึง 400 คันให้พนักงานได้นำไปใช้ เพื่อสนองนโยบายขององค์กรและของรัฐในเรื่องรักษ์โลก แต่พอเอาเข้าจริงในทางปฏิบัติกลับไม่สามารถทำได้ เพราะพนักงานส่วนใหญ่กลับไม่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ต้องการใช้รถยนต์แบบเดิม

เนื่องจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่สะดวกกับชีวิตจริง โดยเฉพาะเรื่องการชาร์จไฟฟ้าสุดท้ายจึงต้องจัดหารถไฮบริดมาทดแทน จึงคิดว่าสำหรับตลาดรถเช่า โดยเฉพาะตลาดลูกค้าองค์กรนั้น รถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้ายังไม่ค่อยเหมาะมากนักกับตลาดกลุ่มนี้

ทั้งนี้ จากการที่สังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทางไทยกรุ๊ปฯก็กำลังมองหาโครงการดีๆ ที่จะช่วยเอื้อสังคมในกลุ่มนี้ เพราะเรามีธุรกิจในเครือทั้งประกันชีวิต ประกันภัย และรถเช่า รวมทั้งยังมีพันธมิตรที่หลากหลาย โดยเฉพาะโรงพยาบาลต่างๆ และในเครือทีซีซียังมีบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่มาก มีโครงการและทำเลดีๆอยู่เพียบ เช่น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” จึงน่าจะจับมือกันทำโครงการดีๆเพื่อสังคมผู้สูงวัย.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ