คาดการณ์กันว่าปี 2567 จะเป็นยุคทองของ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ในประเทศไทย เพราะแนวโน้มการผลิตที่มากขึ้น การเข้ามาลงทุนใหม่ของแบรนด์รถ EV ชื่อดังหลายค่าย จะทำให้ราคารถ EV ในไทยถูกลงมาก แค่แบรนด์จีนกลุ่มเดียว อาจมีการผลิตในไทยมากกว่า 3.54 แสนคันในปีนี้
ขณะเดียวกัน ด้วยราคาน้ำมันที่สูงและผันผวนต่อเนื่อง ประกอบกับเป้าหมาย Net Zero ก็จะยิ่งน้าวโน้มให้คนไทยเปลี่ยนใจหันมานิยมซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใช้งานกันมากขึ้น
ทั้งนี้ สิ่งที่ควรรู้สำหรับสาวกรถยนต์ไฟฟ้านั้น นอกจากปีนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนการซื้อยานยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (ปี 2567-2570) ด้วยเงินอุดหนุนสูงสุด 1 แสนบาท ภายใต้นโยบาย EV 3.5 (ระยะที่ 2) แล้ว
ปีนี้ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ คือ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า หรือประกันรถ EV ฉบับแรก (ปี 2567) ของไทย ก็จะถูกบังคับใช้ในปีนี้เช่นกัน โดยเริ่มต้นมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา แต่มีเวลาให้บริษัทประกันดำเนินออกกรมธรรม์ตามเกณฑ์ดังกล่าวใหม่ ภายใน 31 พ.ค. 2567
ซึ่งพิกัดอัตราเบี้ยประกันของกรมธรรม์ “ประกันรถยนต์ไฟฟ้าใหม่” จะช่วยให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตความคุ้มครองและโครงสร้างราคาเบี้ยประกัน ที่มีความสำคัญไม่น้อยต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทย โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากแบตเตอรี่ ค่าซ่อม และรถหายจากการถูกแฮกระบบปฏิบัติการด้วย
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างกรมธรรม์ปัจจุบัน ที่นำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ทั่วไปมาปรับใช้ กับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle: BEV) ฉบับนี้ อย่างน่าสนใจ
โดยพบแนวทางการคิดเบี้ยประกันและขอบเขตความคุ้มครองต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคุ้มครองแบตเตอรี่ อันเป็นชิ้นส่วนหลักที่มีราคาสูงถึง 70-80% ของมูลค่ารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าและลดข้อพิพาทลงได้
ทั้งนี้ ยังพบว่าแม้แนวโน้มราคาเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 อาจทยอยปรับตัวลดลงในอนาคต แต่อาจยังสูงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ทั่วไปในช่วงราคาเดียวกัน
รายละเอียด กรมธรรม์ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน (ประเภท 1)
รายละเอียดกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ ที่บังคับใช้ปี 67
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย