ทำความรู้จัก “ภาษีรับให้” คืออะไร สำคัญอย่างไร สรรพากรเรียกเก็บจากการให้หรือรับสินทรัพย์อย่างไร
หลายคนคงจะคุ้นเคยกับ “ภาษีมรดก” ที่กำหนดให้ผู้รับมรดกต้องเสียภาษีจากการรับทรัพย์สินตามพินัยกรรมในส่วนที่มูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีที่รัฐเก็บจาก "การส่งมอบความมั่งคั่ง" (Wealth Transfer) ของบุคคลหลังเสียชีวิตไปแล้ว
แต่ยังมีภาษีอีกตัวหนึ่งที่มาพร้อมกัน นั่นก็คือ “ภาษีรับให้” หรือเรียกทั่วไปว่า ภาษีการให้ (Gift Tax) ที่มีจุดประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ดักทางไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีมรดก เมื่อมีการโอนถ่ายทรัพย์สินในขณะที่เจ้าของมรดกยังมีชีวิตอยู่
โดยภาษีการรับให้ คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่จัดเก็บจากทรัพย์สินที่ให้หรือรับแก่บุตร คู่สมรส ญาติ หรือบุคคลอื่น ก่อนผู้ให้เสียชีวิต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นมา
ภาษีการให้กฎหมาย "ไม่จำกัดประเภททรัพย์สิน" ที่ให้ แต่จัดเก็บภาษีการให้จากทรัพย์สินทุกประเภทที่ "ให้" กัน ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้รับ
2.1 บุคคลธรรมดาหากได้รับทรัพย์สินจากพ่อแม่ ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส ผู้รับมีหน้าที่เสียภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่เกินกว่า 20 ล้านบาทในแต่ละปีภาษี
2.2 บุคคลธรรมดาหากได้รับทรัพย์สินจากบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน คู่สมรส ผู้รับมีหน้าที่เสียภาษีเฉพาะเงินได้ส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านบาทในแต่ละปีภาษี
1. กรณีการให้อสังหาริมทรัพย์
ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองให้กับพ่อแม่ ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส มีหน้าที่เสียภาษีอัตรา 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท หรือนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้
2. กรณีการให้สังหาริมทรัพย์
2.1 หากบุคคลธรรมดารับทรัพย์สินจากพ่อแม่ ผู้สืบสันดาน คู่สมรส มีหน้าที่เสียภาษีอัตรา 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท หรือนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้
2.2 หากบุคคลธรรมดารับทรัพย์สินจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน คู่สมรส มีหน้าที่เสียภาษีอัตรา 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับในส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท หรือนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้
กรณีการให้อสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีอัตรา 5% ของส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านบาท หรือ 20 ล้านบาท (แล้วแต่กรณี) โดยวิธีการคำนวณ คือ ส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท หรือ 20 ล้านบาท × อัตราภาษี 5% = ภาษีที่ต้องเสีย
ทั้งนี้มูลค่าทรัพย์สินส่วนเกินที่ได้รับแต่ละประเภท มีการคำนวณฐานภาษีที่แตกต่างกันดังนี้
การยกเว้นภาษีการรับมรดกตามประเภทหรือรายชื่อที่กำหนดในกฎกระทรวง มีดังนี้
การยื่นแบบฯ แบ่งออกเป็น 2 กรณี
1. กรณีที่คำนวณภาษีการรับให้ในอัตรา 5% แล้ว ต้องนำภาษีที่คำนวณได้มายื่นแบบ ภ.ง.ด.90 รวมกับเงินได้อื่นหรือไม่
ผู้เสียภาษีมีสิทธิเลือกเสียภาษีในอัตรา 5% โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อย่างอื่นในปีภาษีนั้น หรือเลือกนำไปรวมกับเงินได้อื่นเพื่อคำนวณภาษีตามปกติก็ได้
2. กรณีที่ผู้เสียภาษีเลือกเสียภาษีโดยไม่นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อย่างอื่นในปีภาษี ต้องยื่นแบบแสดงรายการอย่างไร
กรณียื่นแบบกระดาษ ให้ระบุจำนวนเงินได้ จำนวนภาษี ในรายการ เงินได้จากการให้หรือการรับ (โดยเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42(26) (27) (28))
กรณียื่นแบบออนไลน์ ผ่านระบบ E-Filing เลือก เงินได้จากการให้หรือการรับ (มาตรา 40(8)) ระบุเงินได้พึงประเมิน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (เฉพาะกรณีโอนกรรมสิทธิ์/สิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์) และทำเครื่องหมายหน้าข้อความ O ต้องการเสียภาษีโดยไม่รวม
ภาษีการรับให้ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับให้ ต้องนำเงินได้ที่เกิดในระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ภายในเดือนกันยายนของปีภาษี และนำรายได้ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภายในเดือนมกราคม-มีนาคม ของปีถัดจากปีภาษี และหากยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตได้รับขยายเวลาออกไปอีก 8 วัน
ที่มา
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/grow-your-wealth/handing-down-your-wealth-strategy
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney