“ความยั่งยืน” กลายเป็นแนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัทระดับโลกในปัจจุบัน เพื่อตอกย้ำว่า การทำธุรกิจไม่ใช่เพียงแสวงหาผลกำไรอีกต่อไป แต่ต้องมีกรอบความคิดเรื่อง ESG ซึ่งประกอบด้วย E: Environment (สิ่งแวดล้อม), S: Social (สังคม), G: Governance (ธรรมาภิบาล) เข้ามากำกับดูแลการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ดังนั้น การทำธุรกิจปัจจุบันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบมาตรฐานสากลใหม่ๆ ที่กำกับกิจการ ในรูปแบบต่างๆ เช่น
● มาตรการภาษีคาร์บอนสำหรับสินค้าส่งออก
● ข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูล ESG อย่างโปร่งใส
● ภาษีคาร์บอนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค
● การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงกระแส แต่กำลังกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ที่ธุรกิจทั่วโลกต้องให้ความสำคัญ
และเพื่อส่งเสริมการลงทุนที่คำนึงถึง ESG จึงเกิด กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: ThaiESG) และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund : ThaiESGX) กองทุนตัวล่าสุดที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองกองทุนไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีแนวทาง ESG แข็งแกร่ง แต่ยังให้ สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อจูงใจนักลงทุน
โดยกองทุน ThaiESG และ ThaiESGX จะเน้นลงทุนในบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกํากับดูแลกิจการ (ESG) อีกทั้งธุรกิจที่ดําเนินงานตามแนวทาง ESG มักมีความเสี่ยงต่ำและสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการดําเนินธุรกิจ ที่ขาดความรับผิดชอบ และทําให้ธุรกิจสามารถดําเนินงานได้อย่างราบรื่น และยั่งยืน
ดังนั้น การลงทุนในกองทุน ThaiESG และ ThaiESGX จึงไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก สังคม และให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล แต่จะยังมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ขณะที่ “สิทธิประโยชน์ด้านภาษี” จากการลงทุนในกองทุน ThaiESG ที่เพิ่งปรับเกณฑ์ใหม่ไปไม่นาน เมื่อรวมกับกองทุน ThaiESGX ตัวใหม่ ทำให้วงเงินลดหย่อนภาษี ปี 2568 สูงสุดถึง 900,000 บาท! เลย โดยยังไม่ได้รวมกับวงเงินลดหย่อนภาษีจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกลุ่มเกษียณอื่นๆ
● ThaiESG - ลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท ถือครองกองทุนเพียง 5 ปี นับจากวันลงทุน (วันชนวัน) ตามเกณฑ์ที่ปรับใหม่ ซึ่งมีผลใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 – 31 ธ.ค. 2569 โดยไม่มีกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
● ThaiESGX (ส่วนที่ซื้อใหม่) - ลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท ถือครองกองทุนเพียง 5 ปี นับจากวันลงทุน (วันชนวัน) และต้องลงทุนภายใน 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568
● ThaiESGX (ส่วนที่สับเปลี่ยนจาก LTF) ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท โดยปี 2568 ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 300,000 บาท และปี 2569-2572 จะให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินปีละ 50,000 บาท โดยต้องถือครองกองทุน 5 ปี นับจากวันลงทุน (วันชนวัน) และต้องลงทุนภายใน 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 รวมทั้งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
กองทุน ThaiESG และ ThaiESGX เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในธีม ESG และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาเลือกกองทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ เช่น หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือกลงทุนในกองทุน ThaiESG และ ThaiESGX ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเป็นหลัก หรือนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ-ปานกลาง อาจเลือกลงทุนในกองทุน ThaiESG ที่มีนโยบายลงทุนแบบผสม หรือมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ / พันธบัตรรัฐบาล
ปัจจุบันกองทุน “ThaiESG” มีให้เลือกลงทุนกว่า 50 กองทุน โดยมี บลจ. บริหารกองทุนรวม 16 แห่ง ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความต้องการ เนื่องจากมีรูปแบบกองทุนให้เลือกหลากหลาย ทั้งที่เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงสูงและต่ำ อีกทั้งยังมีการจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล ซึ่งขึ้นอยู่กับการกำหนดนโยบายของ บลจ. แต่ละแห่ง
หนึ่งในวิธีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับ ThaiESG ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนในช่วงปลายปีภาษีเท่านั้น แต่สามารถทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ยได้ตั้งแต่ต้นปี คือการใช้ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือ การทยอยลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่ากันในทุกๆ เดือน เนื่องจากบางครั้งในช่วงที่ราคาลดลง จะซื้อได้จำนวนหน่วยมากขึ้น แต่ถ้าหากช่วงไหนราคาเพิ่มขึ้น ก็จะซื้อได้จำนวนหน่วยที่ลดลง ดังนั้นราคาที่ได้จึงเป็นราคาถัวเฉลี่ย ซึ่งมีข้อดีคือ ลดความเสี่ยงจากการลงทุนครั้งเดียว (Lump Sum), สร้างวินัยการออมเงินระยะยาว อีกทั้งยังช่วยกระจายต้นทุนการลงทุน ลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดได้
การลงทุนในกองทุน “ThaiESG” แบบ DCA เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เงินสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว รวมทั้งยังสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนจ่ายภาษีน้อยลง และได้ผลตอบแทนที่งอกเงย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดขาลงเราก็มีโอกาสได้หน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากัน ดีกว่าการเก็บเงินไว้เฉยๆ
สำหรับกองทุน “ThaiESGX” ในช่วงที่รอ บลจ. ออกกองทุน เราก็สามารถศึกษาข้อมูลเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เข้าใจก่อนถึงช่วงเวลาที่กำหนดให้ลงทุน (1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568)
สำหรับใครที่มองหาการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี พร้อมกับสนับสนุนธุรกิจไทยควบคู่ไปกับการคํานึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล กองทุน ThaiESG และ ThaiESGX ถือเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
ผู้สนใจสามารถซื้อกองทุน ThaiESG ได้ทั้งจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน, บลจ. โดยตรง, ตัวแทนขายหน่วยลงทุนต่าง ๆ หรือซื้อผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ThailandESG.com
คำเตือน :
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและเข้าใจลักษณะกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
*** เงื่อนไขลดหย่อนภาษีเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว และควรทําความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
อ้างอิง ThaiESG