นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวถึงแผนกลยุทธ์ ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “The MEANINGFUL Change” การเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย ว่า ปีนี้เป็นปีที่เรามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการช่วยแก้ปัญหาหนี้อย่างจริงจังเพื่อให้ลูกหนี้อยู่รอดได้ โดยแทนที่จะคุยกันเรื่องจะปล่อยกู้เพิ่มเท่าไร ปีนี้จะมาคุยกันว่า ทีทีบีจะช่วยลูกค้าลดภาระหนี้และแก้หนี้ได้เท่าไร และเพื่อช่วยลูกค้าทุกกลุ่มปลดหนี้ ได้แบ่งลูกหนี้เป็น 3 กลุ่มหลัก
กลุ่มแรก คือ ลูกหนี้ต้องการความช่วยเหลือ เริ่มค้างชำระหรือเป็นหนี้เสีย ทีทีบีจะช่วยด้วยการปรับโครงสร้าง และผลักดันลูกค้าเข้าสู่โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีลูกค้าทีทีบีเข้าร่วมแล้วกว่า 21% จากลูกค้าเป้าหมาย กลุ่มที่สอง คือ ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระดี ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือและถูกลืม ทีทีบีจึงต้องการเข้าไปช่วยเหลือดูแลกลุ่มนี้เป็นพิเศษด้วยการเปิดตัวโปรแกรม “ผ่อนดี...มีรางวัล” กลุ่มที่สาม คือ ลูกหนี้ที่อยากเข้าระบบ ได้แก่ เจ้าของกิจการขนาดเล็กที่ถูกกันออกจากระบบ ซึ่งทีทีบีพร้อมช่วยเหลือผ่านโปรแกรมที่จะทยอยออกมา
ด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า โปรแกรม “ผ่อนดี...มีรางวัล” สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติผ่อนดี ซึ่งเป็นลูกค้าทีทีบีปัจจุบัน หรือลูกค้าธนาคารอื่น ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ลดดอกเบี้ย เมื่อสมัครเข้าโปรแกรมรีไฟแนนซ์ ประกอบด้วย 1.สินเชื่อบ้าน ลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์ หากมีประวัติชำระหนี้ดีต่อเนื่องย้อนหลัง 12 เดือนและมีหนี้คงเหลือไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท มารีไฟแนนซ์กับทีทีบีจะได้ดอกเบี้ยคงที่ตลอดสัญญา No Step Up Rate ที่ MRR-4.215% ต่อปี หรือ 3.39% ต่อปี 2.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ลูกค้าที่ผ่อนดี รีไฟแนนซ์มาที่ทีทีบี ลดดอกเบี้ยทันที เริ่มต้นเพียง 13% ต่อปี พร้อมรับเงินคืน 5% ของดอกเบี้ยปีแรก เมื่อผ่อนดีต่อเนื่องครบ 12 เดือน และ 3.สินเชื่อบุคคล เมื่อรีไฟแนนซ์ผ่านบัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช ลดภาระดอกเบี้ยทันที เริ่มต้นเพียง 17% ต่อปี จากปกติสูงสุด 25% ต่อปี พร้อมส่วนลดดอกเบี้ยผ่อนดี สูงสุด 2% ทุกปี เหลือต่ำสุด 13% ต่อปี โดยโปรแกรมผ่อนดี...มีรางวัลนี้จะเปิดให้เข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.-31 ส.ค.2568
ขณะที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผลจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย การแก้หนี้ผ่าน “คุณสู้ เราช่วย” และการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.68 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 93.4 โดย ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะให้รัฐเร่งกำหนดแผนรับมือมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ และสนับสนุนมาตรการช่วยค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่