Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

“หนี้” ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด! รู้จัก 2 อัตราส่วนทางการเงิน วางแผน “มีหนี้ให้มีสุข”

Date Time: 24 ก.พ. 2568 10:50 น.

Summary

  • รู้จัก 2 อัตราส่วนทางการเงินก่อนเป็นหนี้ เพื่อวางแผนบริหารการเงินให้มีหนี้อย่างมีความสุขและไม่เดือดร้อน

ทุกวันนี้หลายคนล้วนมีหนี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ หรือหนี้บัตรเครดิต บางคนเป็นหนี้แล้วเครียด เงินเดือนออกก็ต้องรีบจ่ายหนี้จนแทบไม่เหลือใช้ แต่บางคนเป็นหนี้แล้วสบายใจ เพราะวางแผนดีและรู้ว่าตัวเองจ่ายไหว

การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ และสามารถเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ หากรู้จักบริหารจัดการให้ดี ดังนั้น คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ "เป็นหนี้ดีไหม" แต่เป็น "เราควรเป็นหนี้อย่างไรให้ชีวิตไม่เดือดร้อน"

นิคม เจริญสุขโสภณ นักวางแผนการเงิน CFP® เผยแพร่บทความ “เป็นหนี้ให้เป็นสุข” ผ่านสมาคมนักวางแผนการเงินไทย โดยระบุว่า การที่เราจะเป็นหนี้ให้เป็นสุขได้นั้น จึงขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถบริหารหนี้ได้ดีแค่ไหน ที่จะไม่มารบกวนการใช้จ่ายหรือเป้าหมายการเงินอื่นๆ ของเรา ดังนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจเป็นหนี้หรือก่อหนี้เพิ่ม เราควรวางแผนการเงินสำหรับการบริหารหนี้กันเสียก่อน

รู้จัก “อัตราส่วนทางการเงินด้านสภาพคล่อง”

“อัตราส่วนทางการเงินด้านสภาพคล่อง” จะช่วยบอกว่า เรามีเงินสดหรือสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้เร็วพอจะจ่ายหนี้ทุกเดือนหรือไม่ เช่น เงินสดในมือ เงินฝาก หรือสินทรัพย์การลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งคุณนิคมระบุว่าวิธีการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินด้านสภาพคล่องสามารถคำนวณได้จาก

สินทรัพย์สภาพคล่อง ÷ จำนวนยอดหนี้ที่เราต้องจ่ายทุกเดือน

  • หากผลลัพธ์ที่ได้มากกว่า 1 หมายความว่า สามารถชำระหนี้ได้โดยไม่กระทบกับสภาพคล่อง ผลลัพธ์ถ้ายิ่งสูงจะยิ่งดี
  • ถ้าได้น้อยกว่า 1 หมายความว่า เราจะต้องนำเงินส่วนอื่นมาชำระหนี้เพิ่ม ซึ่งอาจเกินกว่ารายได้ที่หาได้ในแต่ละเดือน

รู้จัก “อัตราส่วนทางการเงินด้านหนี้สิน”

ส่วนวิธีการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินด้านหนี้สิน จะสามารถบอกถึงความสามารถในการชำระคืนหนี้สินของเรา สามารถคำนวณได้จาก

(มูลค่าเงินที่ผ่อนชำระคืนหนี้สิน ÷ รายได้หรือรายรับรวม) x 100                                                                                                                      

  • ถ้ามีค่าไม่เกิน 35% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีความสามารถเพียงพอในการชำระคืนหนี้สิน
  • ถ้าเกิน 45% บ่งบอกว่าอาจไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ถ้าเป็นหนี้สินที่ไม่ใช่การจดจำนอง เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ควรเกิน 20% ของรายได้หรือรายรับรวม

เมื่อได้ทราบถึงวิธีการคำนวณอัตราส่วนทางการเงินแล้ว ก็สามารถนำไปวิเคราะห์ได้ทั้งการก่อหนี้ใหม่และมูลค่าหนี้สินที่มีในปัจจุบันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนการมีหนี้ได้อย่างสุขใจ และไม่ต้องกังวลในเรื่องการชำระคืน


อ่านข่าวกับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)