
ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล ในการแก้ปัญหา “หนี้นอกระบบ” หลังปรากฏข่าว เจ้าหนี้โหด บุกข่มขู่ พังร้าน ลูกหนี้ ท้าทายอำนาจรัฐ อย่างกรณี ในจังหวัดชัยนาท หลังลูกหนี้ สอบถาม ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบกับรัฐบาล
สะท้อนความยากในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งมี ตัวแปร คือ ลูกหนี้ และ เจ้าหนี้ รวมถึง สารตั้งต้น อย่างปัญหารายได้ระดับครัวเรือน และ วินัยทางการเงิน สารพัดสาเหตุที่ทำให้คนหลงเข้าไปอยู่ในวงจรของหนี้นอกระบบ
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลายคน คงเคยเห็นโฆษณาจูงใจตามใบปลิวหรือนามบัตร ที่ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ ห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งในโลกออนไลน์
ในทำนองว่า "ได้เงินทันใช้ กู้สะดวก ไม่ตรวจบูโร รีบโทร. หาเราที่ 09-XXXX-XXXX" ที่ช่างดึงดูดให้คนร้อนเงินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อไปขอกู้แทบจะในทันที เพราะ “ภาวะร้อนเงิน”
แต่รู้หรือไม่? กู้เงินใบปลิว หนี้นอกระบบดังกล่าว ไม่ได้เป็นตัวช่วยอย่างที่คิด แต่กลับถูกดอกเบี้ย สร้างภาระอันหนักอึ้งให้แทน ยิ่งถ้าเป็นประเภทดอกลอยยิ่งทวีคูณความโหดขึ้นไปอีก
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความรู้ว่า อย่าหลงหลุมพราง กู้เงินจ่ายดอกรายวันอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นเงินกู้ที่ลูกหนี้ จ่ายแต่ดอกเบี้ยทุกวันไปเรื่อยๆ ไม่เคยตัดเงินต้น จนกว่าจะมีเงินก้อนมาจ่ายเงินต้นทั้งหมดจึงหมดหนี้
ทำให้ จากเงินกู้ไม่กี่พันบาท อาจกลายเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อใช้หนี้ไปเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสน สุดท้ายไม่สามารถหลุดออกจากวงจรหนี้ได้
เช่น กู้เงิน 10,000 บาท จ่ายคืนวันละ 150 บาท เป็นเวลา 3 เดือน แต่จริงๆแล้ว 150 × 30 x 3 ทำให้เราต้องคืนเงินทั้งหมด 13,500 บาท เป็นดอกเบี้ย จำนวน 3,500 บาท
ซึ่งหาก นำดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดมาคำนวณหาอัตราดอกเบี้ยจ่ายตามระยะเวลาที่กู้เงิน (3 เดือน) นั้น จะเห็นได้ว่าเงินกู้ตามตัวอย่างข้างต้นที่จ่ายคืนเป็นรายวันในจำนวนไม่มากนักนั้น เราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 140% ต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับสินเชื่ออื่นๆ ได้ ถือ ว่าเป็นดอกเบี้ยที่โหดมาก
อย่างไรก็ดี หากเผลอ หลวมตัว หรือจำใจจนต้องเป็นหนี้นอกระบบไปแล้ว เราสามารถ หาทางออก แก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้ด้วยตนเอง ใน 3 แนวทาง ดังนี้
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย