เงินทุนศรีสวัสดิ์ บริหารความเสี่ยงการปล่อยกู้พนักงานบริษัท เช็กข้อมูลเครดิต บูโรเพิ่ม ระบุประวัติการเงินดี มีผลต่อการคิดดอกเบี้ยต่ำ เล็งนำระบบเครดิตสกอริ่ง ช่วยวิเคราะห์สินเชื่อ พร้อมเคลียร์ในเครดิตบูโร ไม่มีบัญชีดำ หรือแบล็กลิสต์
นางสาวธิดา แก้วบุตตา นักลงทุนสัมพันธ์บริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัทศรีสวัสดิ์ ได้เปิดเผยว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มมากขึ้น เพราะในขณะนี้บริษัทถือเป็นสถาบันการเงินภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประ-เทศไทย จากรูปแบบเดิมที่ฐานลูกค้าของบริษัทเงินทุน จะมีแค่การปล่อยกู้ให้กับพนักงานบริษัท โดยจะใช้ข้อมูลของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแต่ละบริษัทเป็นข้อมูลในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ
แต่ในกรณีที่ลูกค้าต้องการวงเงินที่สูงกว่าปกติ บริษัทก็มีกระบวนการการเช็กประวัติข้อมูลการก่อหนี้ และการชำระหนี้จากเครดิตบูโร หรือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งข้อมูลเครดิตบูโรของลูกค้าจะมีผลต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ย เพราะเราเชื่อว่าการมีวินัยทางการเงิน ใช้หนี้ครบและตรงตามกำหนดเวลา จะส่งผลให้ถูกจัดเป็นบุคคลที่มีประวัติเครดิตดี จากการมีวินัยทางการเงินดี โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อที่มีวงเงินค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการนำระบบเครดิตสกอริ่ง หรือ “ตัวชี้วัดความน่าจะเป็นในการชำระหนี้ได้” มาช่วยในการวิเคราะห์สินเชื่อ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการจัดการความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (Credit Risk Management) โดยก่อนหน้านี้ที่บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทศรีสวัสดิ์ ได้มีการลงนามร่วมกับเครดิตบูโร หรือบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ไปแล้ว
“สิ่งที่ผู้ปล่อยสินเชื่อพิจารณาคือ ข้อมูลตามความจริง ตัวอย่างเช่น ไม่มีประวัติการค้างชำระ มีประวัติการเคยค้างชำระหรือเป็นคนเคยค้างในอดีต หรือในปัจจุบันนี้ยังมีการค้างชำระในบางบัญชีอยู่ โดยเครดิตบูโรไม่ได้เป็นตัวที่ขัดขวางไม่ให้คนได้เงินกู้ แต่ประวัติของคนที่ยื่นขอกู้ต่างหากที่เป็นโอกาสหรืออุปสรรคในการได้เงินกู้ เครดิตบูโร เป็นแค่หน่วยงานเก็บรักษาข้อมูล และเปิดเผยเมื่อลูกค้าให้ความยินยอมให้เปิดเผยเท่านั้น เราในฐานะสมาชิกและผู้ใช้ข้อมูลเครดิตบูโรในการพิจารณาสินเชื่อ ไม่พบว่ามีการขึ้นบัญชีดำ หรือแบล็กลิสต์ในข้อมูลเครดิตบูโร”
ด้านนายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด กล่าวว่า ข้อมูลสินเชื่อจากเครดิตบูโรมีประโยชน์ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการที่เป็นสถาบันการเงิน และในส่วนของผู้ขอสินเชื่อ เพราะเครดิตบูโรเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการมีสินเชื่อ และการชำระหนี้ของลูกค้าสินเชื่อทั้ง Bank และ Non-Bank ที่เป็นสมาชิก
โดยการจะเปิดเผยให้สมาชิกเข้ามาดูข้อมูลได้ ก็จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนเท่านั้น จึงจะเปิดเผยได้ ขณะที่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อเอง ก็สามารถเช็กประวัติของตัวเองได้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อ และในรายที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ สามารถนำจดหมายปฏิเสธสินเชื่อมายื่นขอตรวจสอบเครดิตบูโรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อตรวจดูว่าข้อมูลเครดิตของท่านถูกต้องหรือไม่และมีจุดไหนที่เป็นสาเหตุให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ จะได้นำไปแก้ไขปรับปรุงต่อไป
“สิ่งที่สมาชิกในกลุ่มศรีสวัสดิ์ได้ออกมายืนยันก็คงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าในเครดิตบูโรไม่มีการจัดเก็บสิ่งที่เรียกว่า บัญชีดำ หรือมีข้อมูล Blacklist หรือคำที่ชอบพูดกันว่าติดเครดิตบูโร แต่อย่างใด เพราะการจะได้สินเชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอาชีพ อายุ รายได้ ทรัพย์สิน ความสามารถในการชำระหนี้ ประวัติการก่อหนี้ ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา เป็นต้น”.