ธุรกิจธนาคารยังต้องปรับตัวสร้างฐานลูกค้าใหม่ ครองใจลูกค้าเดิมให้ได้อยู่เสมอ เพราะการมีเทคโนโลยีที่ทำให้ธุรกรรมการเงินรวดเร็ว สะดวกสบายมากขึ้น ก็ต้องแลกมากับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และสิ่งที่แต่ละธนาคารใช้ “ยึดกุม” ให้ลูกค้าใช้บริการกันไปยาวๆ คืออะไร ยังเป็นโจทย์ที่หลายแบงก์ต้องปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมและความต้องการใช้บริการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รุกธุรกิจลูกค้ารายย่อย ต่อยอดความสำเร็จจากการสร้างความเติบโตตามกลยุทธ์ ‘Krungsri One Retail’ ด้วยการประกาศแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ ปี 2567-2569 ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ
เพื่อตอบทุกมิติทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินหลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ
พงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรี นับเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการทางการเงินเพื่อลูกค้ารายย่อยซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งเงินฝาก, การลงทุนผ่านกองทุนและหลักทรัพย์, สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต, สินเชื่อยานยนต์ รวมถึงประกันภัย จากการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Krungsri One Retail ที่มุ่งผสานความร่วมมือของทุกหน่วยงานในเครือกรุงศรีโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเติบโตให้กับธุรกิจเป็นอย่างดี
โดยฐานลูกค้าของกรุงศรีเติบโตกว่า 16%, ผู้ใช้บริการช่องทางดิจิทัลผ่านโมบายแอปพลิเคชันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 90% ของฐานลูกค้า, ขณะที่ฐานบัญชีเงินฝากก็เติบโตอย่างมาก ในปี 2566 มียอดบัญชีเงินฝากเปิดใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 27% ส่วนสินเชื่อก็ยังคงเติบโตโดยมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุมและรักษาคุณภาพสินเชื่อได้ดี อีกทั้งยังมีการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ และเข้าถึงง่าย เพื่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ดังกล่าว
“ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ รวมถึงความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป กลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคลของกรุงศรีจึงได้จัดทำแผนธุรกิจระยะกลางปี 2567-2569 ที่มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ได้แก่ สร้างการเติบโตของฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพ, เสริมความแข็งแกร่งให้การสร้างรายได้ของธุรกิจ และยกระดับประสบการณ์บริการบนช่องทางสาขาและโมบายแบบไร้รอยต่อ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่า ตรงใจลูกค้า เข้าถึงได้ง่าย และมีความปลอดภัยในการทำธุรกรรม พร้อมการให้คำแนะนำทางการเงินอย่างมืออาชีพเพื่อก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินหลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ” พงษ์อนันต์ กล่าว
และก็เช่นเดียวกันกับ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb ที่ผ่านมาได้รุกธุรกิจรายย่อย โดยเน้นเจาะกลุ่ม Wealth พนักงานเงินเดือน คนมีรถ และคนมีบ้าน ด้วยการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมทั้งโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
โดยปีนี้ ttb มีแผนจะส่งมอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ โดยในกลุ่ม Wealth ได้มีการยึดโยงลูกค้าผ่านบัตรเครดิต ttb reserve เพื่อสร้างความแตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการได้ดีขึ้น ให้กับลูกค้า Wealth กว่า 40,000 ราย ที่ถือครองมูลค่าทรัพย์สินรวมกับธนาคารกว่า 650,000 ล้านบาท
รวมไปถึงการยกระดับช่องทางการขายและการให้บริการ มีเป้าหมายใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า เพื่อให้เป็น Top 3 Digital Banking Platform อีกด้วย
หรือแม้กระทั่ง UOB เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้เดินหน้าขยายธุรกิจในไทยเต็มที่ รับศักยภาพโตหลังซื้อพอร์ตรายย่อยซิตี้กรุ๊ป ซึ่งกลยุทธ์ธุรกิจรายย่อยของธนาคารยูโอบี ได้แก่ การเจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรุกกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่าน UOB TMRW แพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร และให้บริการด้านการเงินผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Omni-channel) เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การเสนอซื้อกิจการนี้จะขยายเครือข่ายพันธมิตรของยูโอบี และเพิ่มขนาดธุรกิจลูกค้ารายย่อยในทั้ง 4 ประเทศขึ้นเป็น 2 เท่า เร่งให้บรรลุเป้าขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคเร็วขึ้นถึง 5 ปี
ติดตามข้อมูลด้านการตลาด กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney