นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย.ว่า อยู่ในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามภาคบริการที่ขยายตัว เนื่องจากรายรับภาคการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น หลังเทศกาลถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนสิ้นสุดลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 4.4% และรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 7.1% และการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง แม้เข้าสู่ช่วงสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยว ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.6% จากระยะเดียวกันปีก่อน และจะเป็นปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องในระยะต่อไป ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนกลับปรับเพิ่มขึ้น 6.3% หลังจากลดลงในเดือนก่อน อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นด้านการลงทุนยังทรงตัว
สำหรับการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้น 8.6% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าที่คาด และในช่วงต่อไปคาดการณ์ว่าการส่งออกจะยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆต่อเนื่องไป การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาปรับเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือน เม.ย.หลังจากที่ติดลบมายาวนานตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐยังคงหดตัวจากรายจ่ายของรัฐบาลกลางตาม พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ที่ล่าช้า โดยเฉพาะการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐที่หดตัว 45.1% แต่คาดว่าในช่วงต่อไปการใช้จ่ายและการลงทุนของรัฐบาลจะปรับดีขึ้นตาม เนื่องจากสามารถเริ่มใช้งบปี 67 ได้แล้ว
ส่วนกรณีที่ รมว.คลัง มีแนวคิดหารือปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่นั้น สามารถทำได้อยู่แล้ว โดยครึ่งปีหลังของทุกปี จะมีการร่วมกันพิจารณากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในปีต่อไป ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ธปท.กับกระทรวงการคลังอยู่แล้ว โดยตลอดทั้งปี ธปท.จะประมาณอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 0.6% แต่คาดว่าในช่วงปลายปีอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มเข้าสู่กรอบด้านล่างที่ 1% โดย ธปท.จะติดตามความเคลื่อนไหวของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่