โดยนโยบายดังกล่าวเป็นไปตามมติประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ
รอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้นมา ตลอดจนปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี และลูกค้าบุคคล ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ธนาคารไทยเครดิตได้เฝ้าติดตามและเข้าใจในสถานการณ์ดังกล่าวและเห็นด้วยกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 200,000 บาท และลูกค้าบุคคลที่ใช้บริการสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันและมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท
โดยลูกค้าต้องมีวงเงินกู้กับธนาคารไม่เกิน 2 ล้านบาท และได้รับการเบิกใช้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567 รวมถึงต้องไม่เป็นลูกค้าที่อยู่ในโครงการช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้หรือเป็นหนี้ NPL โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney