เงินออมคนไทยวูบครั้งแรกรอบ 10 ปี

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ. หรือ DPA) กล่าวว่า ณ สิ้นเดือน ส.ค.66 พบว่าจำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองจาก สคฝ. ทั้งสิ้น 93.46 ล้านราย คิดเป็นจำนวนเงินฝาก 15.96 ล้านล้านบาท และจากการติดตามการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้ฝากเงิน และจำนวนเงินในบัญชีของคนไทยที่ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ 32 แห่งที่เป็นสมาชิก สคฝ. ยังคงเชื่อมั่นว่าจากเงินทุนที่มีมากกว่า 140,000 ล้านบาท และเพดานการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนที่ 1 ล้านบาทต่อคนต่อบัญชีตามกฎหมายกำหนด เราสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้เต็มจำนวน โดยเฉพาะการดูแลผู้ฝากเงินรายย่อย ซึ่งคิดเป็นคนส่วนใหญ่ 98.09% ของผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบได้

“ในด้านภาพรวมเศรษฐกิจ และระบบสถาบันการเงิน จากการติดตามสถานการณ์ทั่วโลก พบว่า ช่วงที่ผ่านมามีความอ่อนแอของระบบสถาบันการเงินในหลายจุด เช่น การล้มของธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ ความอ่อนแอของสถาบันการเงินในยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีก ภาวะสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน-รัสเซีย และอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส อัตราดอกเบี้ยโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอีก 1-2 ปี”

ผู้อำนวยการ สคฝ. ยังได้กล่าวในรายละเอียดเงินฝากของคนไทย ซึ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจ และฐานะการเงินของคนไทยด้วย โดยจากรายงานข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง พบว่า จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครอง 93.46 ล้านราย ณ สิ้นเดือน ส.ค.66 เพิ่มขึ้นจากปี 65 จำนวน 3.05 ล้านราย หรือโตขึ้น 3.37% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามปกติจากผู้ฝากเงินรายใหม่ ซึ่งเป็นเด็กที่เข้าเกณฑ์เปิดบัญชีเองได้เพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการเร่งการเปิดบัญชีม้าที่เพิ่มขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการเปิดบัญชี อย่างไรก็ตาม ส่วนที่น่าสังเกต คือ มูลค่าเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองในขณะนี้มีทั้งสิ้น 15.96 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 65 จำนวน 212,688 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 1.32% และเป็นการลดลงครั้งแรกของเงินฝากของคนไทยในรอบ 10 ปี เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้นน้อย รายจ่ายสูงขึ้นมาก จากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้คนไทยที่มีรายได้น้อยนำเงินออมไปใช้จ่าย หรือไม่มีเงินพอที่จะออมเพิ่มขึ้น.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่