กสิกรหวั่นตั้งรัฐบาลช้าอาจส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุน

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในงานสัมมนา “ปรับกลยุทธ์รับมุมมองตลาดการเงินที่ผันผวน” ว่า ทิศทางการไหลของเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าไทย จะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติคงไม่กล้าเข้ามาลงทุนมากนัก เพราะต้องรอดูทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนหลังคาดกันว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ และจะมีแนวโน้มที่ชัดเจนต่อทิศทางดอกเบี้ยในช่วงการประชุมเดือน ก.ค.66 ว่าจะปรับขึ้นหรือปรับลง รวมถึงในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปีนี้ ยังเป็นช่วงโลว์ซีซันของภาคการท่องเที่ยวอีกด้วย

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% ภายในปีนี้ เนื่องจากอาจยังมีต้นทุนที่ยังไม่ปรากฏและทำให้อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่าที่ทางการอยากเห็น ประกอบกับต้นทุนค่าแรงที่อาจเพิ่มขึ้นหากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งก็อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นตามไปด้วย ภาพรวมประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี ปีนี้ยังคงจะเติบโตระดับ 3.7% โดยปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก หลังคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ประมาณ 28.5-30 ล้านคน

นายกอบสิทธิ์กล่าวอีกว่า การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าหรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้นั้น คาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนของภาครัฐได้ เพราะปกติแต่ละปีการลงทุนภาครัฐเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 460,000 ล้านบาท ซึ่งในอดีตช่วงเกิดการรัฐประหารก็เคยมีการปรับลดการลงทุนของภาครัฐลงจาก 3.87 ล้านบาท เหลือราว 293,000 ล้านบาท จากการยกเลิกโครงการของรัฐบาลชุดก่อนที่ไม่จำเป็นและเป็นภาระให้กับภาครัฐสูง แต่ปีนี้คาดว่าเรื่องงบประมาณคงปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้มากแล้ว เพราะกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จคงใช้เวลาถึงช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.66.