แกะกำไรธนาคารไตรมาสแรกกำไรพุ่ง จับตาคุณภาพหนี้ลูกค้ารายใหญ่เริ่มสร้างความกดดัน

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

แกะกำไรธนาคารไตรมาสแรกกำไรพุ่ง จับตาคุณภาพหนี้ลูกค้ารายใหญ่เริ่มสร้างความกดดัน

Date Time: 22 เม.ย. 2566 10:52 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Latest


เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับการรายงานผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 โดยการรายงานในครั้งนี้เป็นที่จับตาอย่างมาก เพราะนอกจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารจะเป็นตัวช่วยในการคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังมีเรื่องของประเด็นลูกหนี้รายใหญ่ที่มีสัญญาณผิดนัดชำระหนี้ด้วยให้บางธนาคารต้องเพิ่มการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ที่ทำให้ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ต้องตั้งสำรองเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่า อาจเกิดจากกรณีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่เลื่อนการส่งงบการเงิน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2566 จำนวน 10,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อน ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 24,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ในไตรมาส 1 ของปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 28,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0% เป็นผลจากการขยายตัวของ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมขยายตัว 3.1% จากการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพของธนาคารและการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มดิจิทัลรายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ มีจำนวน 10,831 ล้านบาท ลดลง 6.6% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ การขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านธนาคาร และการชะลอตัวของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง


ในขณะที่รายได้จากธุรกรรมทางการเงินและรายได้ที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งรายได้จากการลงทุนและการค้ามีจำนวน 1,127 ล้านบาท ลดลง 17.5% แต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 16,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% เป็นผลจากกิจกรรมธุรกิจที่เพิ่มขึ้นโดยยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ ในไตรมาส 1 ของปีนี้อยู่ที่ 41.0% บริษัทฯ ได้ตั้งเงินสำรองจำนวน 9,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% เพื่อเป็นสำรองส่วนเพิ่มสำหรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ 163.8% คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 3.32% ปรับตัวลดลงจาก 3.34% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 และเงินกองทุนรวมตามกฎหมายของบริษัทฯ ยังคงอยู่ใน ระดับแข็งแกร่งที่ 18.6%


“ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกสะท้อนถึงทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น โดยธุรกิจ ธนาคารยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เพื่อเป็นธนาคารที่ดีขึ้นและสามารถขยายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิได้ อย่างต่อเนื่องพร้อมกับการบริหารคุณภาพของสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ธุรกิจใหม่สามารถขยายฐาน ลูกค้าเพื่อเติบโตพอร์ตสินเชื่อได้ตามแผน โดยยังอยู่ภายใต้การประเมินความเสี่ยงอย่างรัดกุม นอกจากนี้ บริษัท ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้จ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิปี 2565 เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนของ บริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่ที่มี SCBX เป็นยานแม่ ซึ่งเป็นรูปแบบองค์กรที่มีความคล่องตัวในการบริหารงาน สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจใหม่ และสร้างมูลค่าผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน”

ในมุมมองของนักวิเคราะห์มองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ มีมุมมองที่บวกกับหุ้นของธนาคารกรุงเทพ โดยมองว่า กำไรในไตรมาสที่ 1 รายงานออกมาดีกว่าคาด หลังรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มสูง โดยกำไร อยู่ที่ 10,129 ล้านบาท ดีขึ้น 42%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้นมาก หลังมีกำไรจากเงินลงทุนมาช่วยหนุน

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากการเพิ่มเงินนำส่ง FIDF สำรองหนี้เพิ่มขึ้นหลังสัดส่วน NPL เพิ่มเล็กน้อย และคาดมีการตั้งสำรองส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับประมาณการกำไรปี66-67 ขึ้นราว 9% มองแนวโน้ม NIM ในช่วงที่เหลือของปี จะปรับตัวดีขึ้น หลังดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ