บาดแผลทางเศรษฐกิจที่ทิ้งไว้จาก COVID-19 และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นที่คนไทยต้องประสบ ทำให้ประชาชนที่มีปัญหาสภาพคล่อง หรือมีหนี้เดิม เกิดความยากลำบากทางด้านการเงินมากขึ้น ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงถึง 86.8% ของ GDP ในไตรมาส 3/2565 ซึ่งกัดกร่อนคุณภาพชีวิตทั้งคนไทยและประเทศ และในปี 2566 ที่ยังเป็นปีแห่งความท้าทายอันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ “ทีเอ็มบีธนชาต” หรือ ทีทีบี ยังคงมุ่งสานต่อพันธกิจ The Bank of Financial Well-being หรือธนาคารที่มุ่งมั่นช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยด้วยแนวคิด The Next REAL Change เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในรูปแบบใหม่อีกครั้ง หลังสร้างความสำเร็จผ่านการเปลี่ยนแปลงเสริมแกร่งธุรกิจด้วยการรวมกิจการ ตลอดจนผลงานที่ช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เผยว่า “จากสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ทำให้พันธกิจของธนาคารเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะได้รับ รวมถึงคาดหวังให้ธนาคารสามารถทำให้เป็นจริงขึ้นได้ ซึ่งกว่า 3 ปี นับตั้งแต่เริ่มรวมกิจการจนมาเป็น “ทีเอ็มบีธนชาต” ได้ส่งมอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้ามากมาย ผ่านโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ อาทิ ช่วยให้คนไทยกว่า 2 ล้านคนได้มีความคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุฟรี ผ่านบัญชี ttb all free และช่วยลูกค้าที่มีหนี้ทำการรวบหนี้ (Debt Consolidation) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง แม้เพิ่งเริ่มต้นและมีลูกค้าร่วมโครงการราว 2,000 ราย แต่ช่วยทำให้คนเหล่านี้ประหยัดเงินจากดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมเป็นเงินกว่า 270 ล้านบาท”
ในวันนี้ “ทีเอ็มบีธนชาต” มีความพร้อมทั้งในแง่ธุรกิจ และการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า ถือเป็นสิ่งชี้วัดว่าธนาคารได้เดินมาถูกทาง หลังจากนี้จะยังคงมุ่งสานต่อพันธกิจด้วยการสร้าง The Next REAL Change เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในรูปแบบใหม่อีกครั้ง ภายใต้กลยุทธ์หลัก 3 เรื่อง ได้แก่
1. Synergy Realization: การนำจุดแข็งและความแข็งแกร่งจากการรวมกิจการมาต่อยอดพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้า
หลังรวมกิจการทำให้ทีเอ็มบีธนชาตมีความแข็งแกร่งด้วยฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย รวมถึงมีความพร้อมทั้งศักยภาพและงบประมาณในการลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า โดยจะต่อยอดจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ได้แก่ สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน บัญชีเพื่อใช้ เพื่อออม และบัญชีเงินเดือน ไปสู่สินเชื่อรถแลกเงิน (ttb cash your car) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (ttb cash your home) สินเชื่อ ttb payday loan และกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถ ซึ่งโซลูชันเหล่านี้นอกจากจะมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาสภาพคล่องภายใต้เศรษฐกิจผันผวนของปีนี้ได้ด้วย
2. Digitalization: การยกระดับประสบการณ์ทางการเงินและพัฒนาประสิทธิภาพของธนาคารผ่าน ttb touch เวอร์ชันใหม่
ธนาคารจะนำดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า และขับเคลื่อนองค์กรให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนของธนาคาร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยยกระดับศักยภาพของ ttb touch ให้ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างรอบด้าน ซึ่ง ttb touch เวอร์ชันใหม่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ที่สำคัญยังเป็นช่องทางนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ พร้อมเดินหน้าพัฒนาองค์กรให้เป็น Digital-First Experience เพื่อให้ลูกค้าทำธุรกรรมส่วนใหญ่ได้เองผ่าน ttb touch โดยธนาคารมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็น Top 3 Digital Banking Platform
3. Ecosystem Play: การสร้างชีวิตทางการเงินของลูกค้าบัญชีเงินเดือน มีรถ มีบ้านให้ดีขึ้นรอบด้าน
ทีเอ็มบีธนชาตเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วย New Business Model โดยจะต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตของลูกค้าตลอด Journey และช่วยให้ชีวิตของลูกค้าสามารถบริหารจัดการเรื่องสำคัญได้อย่างรอบด้าน โดยเน้นการทำงานจากทีมภายใน และร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำภายนอก (Partnership) โดยมี ttb touch เป็นตัวขับเคลื่อนให้ลูกค้าบริหารจัดการชีวิตได้อย่างครบวงจร อาทิ คนมีรถจะสามารถบริหารจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับรถ
“ธนาคารยังเร่งเตรียมความพร้อมบุคลากร เพื่อให้ร่วมกัน Transform องค์กรได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเพิ่มศักยภาพและจำนวนทีมงานด้าน Tech & Data ให้มากขึ้น ที่ผ่านมาธนาคารได้จัดตั้งทีมดิจิทัล ttb spark และ ttb spark academy เพื่อที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้าง Talent รุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอดรับกับโลกธุรกิจผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชัน เชื่อว่าด้วยศักยภาพของทีเอ็มบีธนชาตที่มีความพร้อมในทุกด้าน ผนวกกับกลยุทธ์ทั้ง 3 ด้าน จะสามารถทำให้ปีนี้ เราจะยังคงเดินหน้าไปสู่การเป็นธนาคารที่ Make REAL Change เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง” นายปิติ กล่าวสรุป.