นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” 4 ครั้งที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่และเอสเอ็มอีรายย่อย ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐได้ บางรายเคยติดปัญหาเครดิตบูโร บางรายไม่มีข้อมูลเครดิต เนื่องจากที่ผ่านมาต้องกู้เงินนอกระบบมาตลอด
ดังนั้น กระทรวงการคลัง ได้หารือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร เตรียมพิจารณานำข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและชำระค่าไฟฟ้ามาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชน และเอสเอ็มอีรายย่อยในต่างจังหวัด ให้เข้าถึงแหล่งทุนและสภาพคล่องในระบบ และบรรเทาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินเชื่อในสถาบันการเงินในอนาคต คาดว่า จะนำมาใช้ได้ภายในเดือน เม.ย.66
“ทุกวันนี้การยื่นขอกู้เงินต้องใช้ข้อมูลจากเครดิตบูโรมาตรวจสอบ ซึ่งข้อมูลต่างๆจะอยู่ในระบบ 3 ปี หากประชาชนเคยเป็นหนี้เสีย แต่ชำระแล้ว แต่ข้อมูลยังไม่ถูกลบออกจากระบบก็ไม่สามารถยื่นกู้ได้ เพราะสถาบันการเงินไม่มั่นใจว่า จะมีรายได้มาชำระหนี้ ดังนั้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจากประวัติที่ดีจากการใช้ไฟ ทั้งปริมาณการใช้ และการชำระค่าไฟก็น่าจะช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐได้ โดยเฉพาะประชาชนในต่างจังหวัด”
สำหรับเหตุผลที่ใช้ข้อมูลการชำระค่าไฟฟ้าของ กฟภ. มาประกอบการพิจารณาสินเชื่อนั้น เป็นข้อมูลทางเลือกที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศว่า เป็นข้อมูลที่ใช้ประโยชน์ในการประเมินความสามารถและความเต็มใจชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ควรนำมาใช้
ส่วนวิธีการใช้ข้อมูลนั้น ประชาชนที่ต้องการยื่นกู้ ต้องเข้าไปยินยอมให้ใช้ข้อมูลในแอปพลิเคชันเป๋าตังก่อน หลังจากนั้นข้อมูลจะเชื่อมต่อไปยัง กฟภ.และเชื่อมยังเครดิตบูโร เมื่อยื่นกู้แล้ว สถาบันการเงินสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ได้ แต่หากไม่ยินยอมให้เข้าใช้ข้อมูลผ่านแอปเป๋าตังก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากผิดกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น ผู้ยื่นกู้ต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้.