ธนาคารกสิกรไทย ขยายการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็ก รวมวงเงินมากกว่า 23,000 ล้านบาท ให้กับผู้คนมากกว่า 500,000 คน โดยเฉพาะ K PAY LATER พบลูกค้านำไปใช้ที่บิ๊กซี โลตัส ซี เจ เอ็กซ์เพรส ปตท. เซ็นทรัล และ แม็คโคร
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 65 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK กล่าวว่า เราอยากจะช่วยคนนับล้านๆ ให้เข้าถึงและได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคารได้ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และใช้เทคโนโลยีเพื่อที่จะสามารถบรรลุภารกิจข้างต้น รวมถึงยกระดับการให้บริการลูกค้าปัจจุบันของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าขยายโอกาสการเข้าถึงและได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทยที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ไปสู่ผู้คนเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น ถึง 1 ล้านคน ภายใน 18 เดือน และในอีก 24 เดือน จะขยายเป็นราวๆ 2 ล้านคน
สำหรับการเดินหน้าดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มุ่งขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคารให้กับคนไทยจำนวนกว่า 30 ล้านคน ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้วแต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยเรียกว่าเป้าหมายการผสานเอาความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้ามาในองค์กร
โดยโครงการนี้ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัย และวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ของธนาคาร เอามาช่วยผู้คนที่ทำงานอาชีพอิสระ เกษตรกร และเจ้าของกิจการขนาดเล็กๆ ผู้ที่อาจจะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรืออาจจะมีไม่เพียงพอ ให้สามารถขอเงินกู้ได้ โดยใช้การประเมินที่เป็นธรรมมากขึ้นจากการพิจารณาที่ความสามารถและความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้ของผู้กู้
นายกฤษณ์ กล่าวว่า ในกลุ่มที่ได้รับเงินกู้นี้มีประมาณ 63,000 ราย เป็นเจ้าของกิจการที่มีรายได้น้อยกว่า 2.5 ล้านบาทต่อปี กู้ผ่านโครงการสินเชื่อเงินด่วนเพื่อธุรกิจ ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน วงเงินกู้รวมเกือบ 5,000 ล้านบาท โดยมีบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน จำนวนประมาณ 215,000 ราย ได้รับเงินกู้สูงสุดถึง 20,000 บาทต่อราย ผ่านโครงการ K PAY LATER ของธนาคารกสิกรไทย
"เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เงินกู้จากโครงการ K PAY LATER ถูกนำไปใช้ในการซื้อของใช้ประจำวันที่จำเป็น เนื่องจากพบว่าส่วนใหญ่เป็นการนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ขายของใช้จำเป็น เช่น พันธมิตรของเรา อาทิ บิ๊กซี โลตัส ซี เจ เอ็กซ์เพรส ปตท. เซ็นทรัล และ แม็คโคร"
นอกจากนี้เมื่อเราเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงระบบธนาคาร และได้เห็นว่าผู้กู้มีความรับผิดชอบในการชำระคืนเงินกู้เป็นอย่างดี เราก็จะเพิ่มวงเงินกู้ให้คนกลุ่มนี้ และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติมให้กับหลายๆ คนในกลุ่มนี้ได้อีกด้วย
นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า จำนวนการทำธุรกรรมผ่าน K PAY LATER ก็เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน คือตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. 65 โดยธนาคารกสิกรไทยกำลังเดินหน้าการลงทุนต่างๆ ในเรื่องเทคโนโลยี ด้วยงบลงทุนประมาณ 22,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้และในช่วง 2 ปีข้างหน้า.