นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวในงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี วานนี้ (4 พ.ย.) ว่า หากประชาชนมีหนี้ประสบปัญหาผ่อนชำระ ก็ขอให้มาปรึกษาแก้หนี้ ทั้งผ่อนชำระ ลดดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ แต่หากต้องการสินเชื่อใหม่ ก็สามารถมาปรึกษาขอสินเชื่อใหม่ได้ เพราะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมที่จะช่วยเหลือลดดอกเบี้ยตามนโยบายของรัฐ เนื่องจากสถาบันการเงินของรัฐเป็นกลไกในการช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของรัฐ ถึงแม้ทิศทางดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น แต่สถาบันการเงินของรัฐก็ต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้นานที่สุด โดยภายในปีนี้จะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อย่างแน่นอน ส่วนปี 66 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่หากจำเป็นต้องปรับขึ้น จะเป็นลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป
“ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ประชาชนกำลังพ้นจากหนี้เสีย ซึ่งหากมาเจอสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น อาจไม่มีกำลังใจในการชำระหนี้ต่อ ดังนั้นก็ต้องดูหลายปัจจัยในการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งการตรึงดอกเบี้ยขอแบงก์รัฐในหลายๆโครงการ รัฐก็เข้าไปสนับสนุนโครงการสินเชื่อต่างๆของแบงก์รัฐอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้เชิญชวนสถาบันทางการเงิน 7 แห่ง ให้ยื่นข้อเสนอเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับกองทุนน้ำมัน ขณะนี้มี 2 ธนาคารรัฐได้เสนอเงื่อนไขมาให้กองทุนน้ำมันพิจารณา เบื้องต้นกองทุนน้ำมันจะกู้เงินงวดแรก 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้งวดแรก 5,000 ล้านบาท และทยอยกู้งวดที่ 2 อีก 5,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาเติมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันภายในเดือน พ.ย.นี้ ส่วนวงเงินอีก 20,000 ล้านบาท ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ปัจจุบันฐานกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 30 ต.ค.65 ติดลบ 129,701 ล้านบาท.