โต้ "เจพี มอร์แกน" เศรษฐกิจไทยแกร่ง ธนาคารโลกปรับขึ้นโตปีนี้ 3.1%

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

โต้ "เจพี มอร์แกน" เศรษฐกิจไทยแกร่ง ธนาคารโลกปรับขึ้นโตปีนี้ 3.1%

Date Time: 28 ก.ย. 2565 07:53 น.

Summary

  • ประเทศไทยและญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนมากที่สุดสองชาติในเอเชียว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้อ่อนแอ แต่มุมมองที่มองเช่นนั้นอาจเป็นเพราะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

Latest

ปลดล็อกเรื่องภาษี!

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงกรณีที่ธนาคาร เจพี มอร์แกน อินเวสต์เมนท์ แบงก์ ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ประเทศไทยและญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนมากที่สุดสองชาติในเอเชียว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้อ่อนแอ แต่มุมมองที่มองเช่นนั้นอาจเป็นเพราะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โครงสร้างเศรษฐกิจของไทยพึ่งพาท่องเที่ยว และมีข้อจำกัดของตลาดที่ยังแคบอยู่

ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง เศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มที่ดีของการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่เข้ามาในประเทศ เห็นได้จากการเข้ามาลงทุนของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่จากจีนเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ และเร็วๆนี้จะมีการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทดิจิทัลระดับโลกเข้ามา และแนวโน้มการเข้ามาลงทุนในไทยในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี ทำให้มีรายได้จากต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติมและเป็นรายได้ที่แน่นอนมากกว่ารายได้จากการท่องเที่ยว

“สิ่งที่มีความเป็นห่วงในขณะนี้คือ เศรษฐกิจโลกในปี 2566 ที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบเช่นกัน รวมทั้งจะยังมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นซึ่งก็ต้องจับตาว่านโยบายต่างๆจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่”

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารโลกได้ออกรายงานอัปเดตเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกประจำเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าวส่วนใหญ่กลับมาฟื้นตัวในปี 2565 ในขณะที่เศรษฐกิจจีนหยุดชะงักจากมาตรการควบคุมโควิด โดยคาดว่าประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกยกเว้นจีนจะเติบโตเพิ่มขึ้น 5.3 % ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะเติบโต 2.8% ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 3.2% ก่อนจะเพิ่มเป็น 4.6% ในปีหน้า

สำหรับประเทศไทย ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขึ้นเป็น 3.1% ในการประมาณการเดือน ต.ค.จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัว 2.9% ขณะที่คาดการณ์ว่าในปี 2566 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.1% หลังการบริโภค ท่องเที่ยวและการส่งออกฟื้นตัว แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะยานยนต์ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังต้องดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่งเริ่มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาคมาจากแรงกดดันของเงินเฟ้อ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ