จะรับมือกับ Recession อย่างไร

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จะรับมือกับ Recession อย่างไร

Date Time: 24 ก.ย. 2565 05:57 น.

Summary

  • เป็นไปตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 21 กันยายน

Latest

ปลดล็อกเรื่องภาษี!

เป็นไปตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 21 กันยายน เป็นการขึ้นดอกเบี้ยระดับ 0.75% ครั้งที่ 3 ติดต่อกัน เฟดแถลงว่า จะขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า จนกว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯจะลดลงมาที่ระดับ 2% ในระยะยาว FOMC ยังเดินหน้า ลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดการถือครองตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง เดือนละ 95,000 ล้านดอลลาร์ตามแผน โดยมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

เฟดมีเป้าหมาย จะขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 4.4% ในต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั่วโลกในวงกว้าง จนเรียกกันว่า Perfect Storm พายุที่สมบูรณ์แบบ มีทั้ง ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า วันเสาร์สบายๆวันนี้ผมชวนท่านผู้อ่านไปคุยถึง ทิศทางของ Perfect Storm กันนะครับ จะได้เตรียมตัวรับมือกับภัยล่วงหน้า

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงหลังการประชุมว่าเฟดจะไม่พิจารณาปรับลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อปรับลงมาอยู่ระดับเป้าหมายที่ 2% แม้จะรู้ว่าภารกิจดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้มที่ควรจะเป็น ตลาดแรงงานอาจจะชะลอตัว (มีคนตกงานมากขึ้น) และคาดว่า จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้ขยายตัวได้เพียง 0.2% จากคาดการณ์ 1.7% การว่างงานจะแตะระดับ 3.8% และเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% ในปีหน้า แต่เฟดก็จำเป็นต้องทำ เพื่อจัดการเงินเฟ้อให้อยู่หมัด เพื่อ “สร้างฐานเศรษฐกิจของเราขึ้นมาใหม่” ไม่มีใครรู้หรอกว่ากระบวนการนี้ จะนำไปสู่ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” หรือไม่ และไม่มีใครรู้ว่า “ภาวะถดถอยจะรุนแรงเพียงใด” แต่ยอมรับว่า โอกาสที่จะ Soft Landing มีน้อยลง

ถ้อยแถลงของ นายพาวเวล สะท้อนถึง อนาคตที่ไม่แน่นอนของสหรัฐฯ แต่เกจิการเงินทุกสำนักฟันธงล่วงหน้าว่า สหรัฐฯจะเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) รุนแรง Hard Landing แน่นอน แต่จะรุนแรงขนาดไหนไม่มีใครรู้ เพราะเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงระดับ 2% ในระยะยาวจาก 8.3% ในปัจจุบัน เฟดคงต้องรบไปอีกนาน ที่สำคัญทุกคนทั่วโลกต้องเตรียมรับมือกับ วิกฤติเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่จาก Perfect Storm ลูกนี้

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ประธานสภาตลาดทุนไทย กล่าวในเวทีสัมมนา “ก้าวสู่ปีที่ 41 วารสารการเงินธนาคาร” ในหัวข้อ “สแกนหุ้น Deep Value หลบ Perfect Storm” ว่า เราเจอ Perfect Storm ระลอกแรกไปแล้ว ผู้ได้รับผลกระทบคือนักลงทุน ช่วงนี้เรากำลังเข้าสู่ระลอกที่สองคือ ช่วงที่เศรษฐกิจอาจไม่เติบโตหรือเติบโตอ่อนกว่าที่ทุกคนคิด เนื่องจาก เกิดภาวะ Recession ในที่ต่างๆทั่วโลกพร้อมกัน ผลกระทบจะเกิดกับ ผู้ผลิต ลูกจ้าง บริษัท ร้านค้า ภาคธุรกิจ ภาคก่อสร้าง ใน ภาคเศรษฐกิจจริง

เมื่อเศรษฐกิจซบเซา หุ้นก็ต้องคิดหนัก ผลประกอบการบริษัทต่างๆก็ต้องไม่ดี หุ้นก็จะมีการปรับตัวอีกครั้ง มองว่า ปีนี้หุ้นจะมีลักษณะเป็น wave ถ้าถือไว้เฉยๆก็เหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ไม่ได้อะไรกลับมาดังนั้น ต้องขึ้นรถลงรถบ้าง ตอนไหนต่ำก็เข้า พอขึ้นก็ขายบ้าง

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงที่สองผ่านไปแล้ว เราจะเจออีกหนึ่ง wave คือ ความท้าทายจากสินค้าจีนที่จะออกมาถล่มตลาดต่างๆในภูมิภาค รวมถึงการแข่งขันกับเรา ดังนั้น ผู้ประกอบการจะถูกกระทบอีกครั้ง วิกฤติจะมาเป็นรอบๆ วิกฤติสุดท้ายที่คาดว่าจะเจอคือวิกฤติจากประเทศที่กำลังพัฒนา หรือ Emerging Market ที่กำลังลำบาก คาดว่า จะมีปัญหามากในช่วงกลางปี 2566 เนื่องจากดอกเบี้ยเฟดจะขึ้นสูงเป็นพิเศษ ส่งผลให้ประเทศ Emerging Market อ่อนแอ เมื่อถึงจุดนั้น ประเทศไทยจะถูกร่างแหไปด้วย แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ดูดีที่สุดในกลุ่มประเทศ Emerging Market ก็ตาม เพราะทุกประเทศจะดึงเงินกลับ

ผมก็เก็บมาเล่าสู่กันฟัง ตำราพิชัยสงครามซุนวู ว่าไว้ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” แต่ครั้งนี้ “รู้เขารู้เรา ไม่ใช่รบเอาชนะ แต่เพื่อเอาตัวรอด” ครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ