บสย.พลิกโฉมเข้าสู่ยุค Digital Transformation สปีดช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งทุน พัฒนาสกิลผู้ประกอบการเข้าใจทุกเรื่องการเงิน
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 65 นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. กล่าวว่า บสย. พร้อมขับเคลื่อนองค์กร ในทศวรรษใหม่ ด้วย Digital Technology ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปี ได้ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ บสย.มียอดค้ำประกันสินเชื่อสะสมมากกว่า 1.3 ล้านล้านบาท และช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อมากกว่า 740,000 ราย รักษาการจ้างงานมากกว่า 11 ล้านอัตรา สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่า 5.7 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2564 บสย. ได้ช่วยค้ำประกันสินเชื่อ มากกว่า 220,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง Micro ประมาณ 73% แต่ยังมีผู้ประกอบการ SMEs อีกมาก และกลุ่มเปราะบาง ที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งทุนในระบบสถาบันการเงิน อีกกว่า 3 ล้านราย
สำหรับการรีแบรนด์ของ บสย.ภายใต้สโลแกน BEYOND BORDERS ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด นับเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ลดความเหลื่อมล้ำ ตามแนวทางการพัฒนาความยั่งยืน บสย. ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ยกระดับการบริการ ค้ำประกันสินเชื่อ ด้วยนวัตกรรม Digital Technology เชื่อมโยงและพร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ไม่มีที่สิ้นสุด มีความร่วมสมัยในยุคดิจิทัล ภายใต้ 3 วัตถุประสงค์หลักคือ
1. สร้างภาพจำให้ชัดขึ้น ใน 2 บทบาทหลัก ดังนี้
- บทบาทการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs มุ่งสู่ Digital Credit Enhancer ในการให้บริการและการดูแลลูกค้า SMEs รวดเร็ว รอบคอบ ใช้ Digital Technology เป็นเครื่องมือส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงสินเชื่อ และลดการพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ
โดยเฉพาะกลุ่มไมโคร ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เข้าถึงสินเชื่อ ด้วยหนังสือค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ใช้แทนหลักทรัพย์การยื่นกู้กับสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านเครดิต หรือ Credit Cost
- บทบาทการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน F.A. Center (Financial Advisor) ให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy)
2. ภาพลักษณ์ใหม่ ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีหลาย Generation ได้เข้าใจบทบาท และเข้าถึง บสย.ง่ายขึ้น ทั้งกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการ หรือ ผู้สูงวัยที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการ ผ่านการเชื่อมโยงในระบบนิเวศ Eco-System ที่มีหลากหลายรูปแบบ
3. ตอบโจทย์กระแส Digital Disruptions ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด สู่ทศวรรษใหม่ บสย. สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่จากภายในสู่ภายนอก โดยใช้ Digital เป็นตัวขับเคลื่อน และผลักดัน บสย. เข้าสู่ระบบ Digital Eco-System เชื่อมโยงผู้ประกอบการ SMEs สู่ Platform online ทั้งการบริหารทางการเงิน Digital Lending และ ค้าขายออนไลน์ ผ่าน E-Market Place
ทังนี้ ภาพลักษณ์ใหม่ บสย. ยังยึดตามแนวทางการพัฒนาความยั่งยืน เพิ่มจำนวนการช่วยเหลือ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และการสนับสนุนการสร้างคุณค่าทางสังคม ช่วยผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มที่มีโอกาสน้อย เช่น Micro SMEs ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้มีโอกาสสร้างงานสร้างอาชีพ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ การให้ความรู้ทางการเงิน และการเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน
นายพิพัฒน์ชัย ภัครัชตานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา บสย. เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นเครื่องมือรัฐที่ช่วยลดช่องว่าง การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีมากกว่า 3.2 ล้านราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Restart และ Start up ที่กำลังฟื้นตัวและเริ่มต้นกิจการ ต้องการสินเชื่อในระบบ บทบาทของ บสย. จึงมีความสำคัญต่อการสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อ
ทั้งนี้ ยังมอบหมายให้ บสย.เพิ่มบทบาทให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs และสนับสนุนยกระดับเกษตรกรไทยสู่เกษตรอุตสาหกรรมมูลค่าสูง โดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี ไบโอ อีโคโนมี่ ขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งทั้ง 2 บทบาทมีความสำคัญ ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เห็นได้จากผลดำเนินงาน บสย.ในปี 64 ให้การค้ำประกันสินเชื่อกว่า 245,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อกว่า 220,000 ราย โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 92,000 ล้านบาท ได้รับสินเชื่อกว่า 68,000 รายอีกด้วย
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งถือว่าเป็น Engine of economic growth ที่สำคัญของไทย ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 34% ของ GDP นั้น กระทรวงการคลังก็ได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีเงินทุนหมุนเวียนในการประคับประคองธุรกิจ รักษาการจ้างงาน รวมถึงเป็นเงินลงทุน เพื่อฟื้นฟู และดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านมาตรการด้านการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านสินเชื่อต่ำ เพื่อลดต้นทุนในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการ SMEs มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อย่างทั่วถึง และมาตรการพักชำระหนี้ เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาอยู่ในช่วงก่อนเกิดโควิด และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม บสย.จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาตลาดทุนของประเทศไทย เพื่อเชื่อมต่อผู้ประกอบการ SMEs และแหล่งออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งด้านความรู้การเงินและด้านเทคโนโลยี และการดำเนินการให้สอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งเน้น Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG Model รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานของมาตรการด้านการเงินต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงพิจารณาข้อจำกัด ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการ รวมไปถึงผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเพื่อปรับปรุงและออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สามารถดูแลผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที
"ผมหวังว่า การรีแบรนดิ้งของ บสย. จะเป็นการยกระดับพัฒนาองค์กร เพื่อปรับภาพลักษณ์ของ บสย. ให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความก้าวหน้า อย่างมีระบบ มีบทบาทที่ชัดเจนขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ส่งเสริมภารกิจหลักของ บสย. ในการสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ควบคู่ไปกับการเป็นองค์กรที่พร้อมจะให้บริการความรู้ทางการเงินและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป"