นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวในหัวข้อ Inclusive Growth Inclusive Finance โมเดลการเงินแห่งอนาคต เพื่อการเติบโตร่วมกันว่า ธนาคารจะมุ่งเน้นทำธุรกิจเพื่อบรรลุ 2 เป้าหมายหลัก คือ 1.ทำให้กลุ่มรากหญ้าสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ 2.อัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ทั้งนี้ ระยะ 2 ปีที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักคิดนำผลกำไรจากธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อไปช่วยเหลือกลุ่มคนรากหญ้านั้น ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ธนาคารดำเนินการไปถึง 45 โครงการ ช่วยเหลือรากหญ้าได้ถึง 13 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลก็ได้เข้ามาช่วยเหลือในบางส่วน ทั้งนี้ ในจำนวน 13 ล้านคน มีอยู่ 2.7 ล้านคนที่ไม่มีเครดิตทางการเงินหรือมีอยู่นิดหน่อย ซึ่งหวังว่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า คนกลุ่มนี้จะสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินจากสถาบันการเงินอื่นๆได้
ส่วนการสร้างความเป็นธรรมเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น ธนาคารได้เข้าไปช่วยสร้างกลไกให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง ผ่านโครงการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งถูกคิดดอกเบี้ยสูงถึง 28% ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดมีกำไรมากถึง 15-20% ดังนั้น เมื่อออมสินเข้าทำธุรกิจนี้ ทำให้ดอกเบี้ยสินเชื่อนี้ลดลงเหลือ 18% เท่านั้น โดยสามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 1 ล้านราย มูลค่าราว 10,000 ล้านบาทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และยังช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จากโครงการสินเชื่อ “มีที่มีเงิน” ได้ช่วยให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย เพียงแค่มีหลักประกันเป็นที่ดินโดยไม่พิจารณาเรื่องรายได้ของธุรกิจ 1 ปีที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อได้กว่า 20,000 ล้านบาท.