นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจหรืออีไอซีได้ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ในปี 65 เป็น 2.7% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.2% เนื่องจากผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเฉลี่ยทั้งปีจะเร่งตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ระดับ 4.9% และหากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อ จีดีพีของไทยในปีนี้จะลดลงอีก 1-2% และเงินเฟ้อปรับเพิ่มจาก 4.9% เป็น 6.3% “การใช้จ่ายในประเทศจะฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่ประมาณการไว้เดิม โดยเฉพาะการบริโภคที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบทั้งจากกำลังซื้อของครัวเรือนที่ลดลงตามราคาพลังงานและอาหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และจากการฟื้นตัวของค่าจ้างแรงงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ทันค่าครองชีพ”
สำหรับภาคการส่งออกในภาพรวมมูลค่าการส่งออกยังขยายตัวได้ที่ 6.1% ในปีนี้ แต่เป็นผลจากปัจจัยด้านราคาที่สูงขึ้นตามต้นทุนโดยเฉพาะในหมวดพลังงานมากกว่าการเพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณ ส่วนการท่องเที่ยวจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยราว 5.7 ล้านคน หรือลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดิมที่ 5.9 ล้านคน ส่วนค่าเงินบาทประเมินว่าจะกลับมาแข็งค่าเล็กน้อย โดยสิ้นปีเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.50-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนดอกเบี้ยนโยบายเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดแรงงานไทยยังคงมีความเปราะบางจากชั่วโมงการทำงานที่ลดต่ำลงมากและการไหลกลับของแรงงานไปในภาคเกษตร และในฝั่งของผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน.