นายวรวิทย์ เจนธนากุล นายกสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สภาวิชาชีพบัญชีได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตว่า ได้รับความเดือดร้อนมากจากการมีผู้ปลอมแปลงลายมือชื่อในงบการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณ สภาวิชาชีพบัญชี จึงได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นำข้อมูลเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงการลงลายมือชื่อ โดยอยู่ระหว่างพัฒนาระบบงานให้สมาชิกตรวจสอบข้อมูลการยื่นการลงลายมือชื่อในงบการเงินที่ไม่ตรงกับงบการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปีนี้ เพื่อให้ผู้สอบบัญชีเข้ามาตรวจสอบลายมือชื่อผ่านระบบ หากพบข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจะได้แก้ไขได้รวดเร็ว และหากพบการปลอมแปลงสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที
“การแอบอ้างใช้ชื่อผู้สอบบัญชี หรือการปลอมลายมือชื่อในรายงานของผู้สอบบัญชีมีความผิดทางกฎหมาย ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้จะลดระยะเวลาการตรวจสอบและป้องกันความเสียหายต่อวิชาชีพบัญชีและต่อธุรกิจ จึงขอความร่วมมือภาคธุรกิจตรวจสอบข้อมูลที่กรอกในแบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) ข้อมูลงบการเงิน หมายเหตุประกอบงบการเงิน และรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่แนบด้วยทุกครั้ง โดยสามารถตรวจสอบผลการยื่นผ่านเมนู ประวัติการนำส่ง และพิมพ์แบบ/เอกสาร และสามารถเรียกดูเอกสารที่ยื่น และพิมพ์แบบนำส่งไว้เป็นหลักฐานได้”
ด้านนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมกำลังเชื่อมระบบกับสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อใช้ในการนำส่งงบการเงินของธุรกิจผ่านระบบดีบีดี-ไฟล์ลิง และป้องกันการปลอมแปลงลายมือชื่อ โดยข้อมูลล่าสุด มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่มีชื่อในฐานข้อมูลการรับงบการเงิน ที่ลงลายมือชื่อแสดงความเห็นระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ก.ค.64 ทั้งสิ้น 440,466 ราย และไม่พบข้อมูลอีก 10,048 ราย ซึ่งกลุ่มนี้จะติดตามต่อไป.