นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นช่วงขาขึ้น ตามอัตราดอกเบี้ยโลก โดยออมสินประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศน่าจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อฐานลูกค้าผู้กู้ทั่วประเทศ โดยในส่วนลูกค้าของออมสินจะได้รับผลกระทบน้อย โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยที่มีอยู่ประมาณ 3.5 ล้านราย จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่อย่างน้อย 3-5 ปี
“ออมสินได้ออกแบบหรือคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่า อัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไปน่าจะเป็นทิศทางขาขึ้น ดังนั้นเราจึงได้ออกโครงการสินเชื่อในลักษณะดอกเบี้ยคงที่ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในกลุ่มนี้ ดังนั้น ในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ ฐานลูกค้าที่มีอยู่ประมาณ 3.5 ล้านรายดังกล่าว จะไม่ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยรายย่อยของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.99-4.99% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น จะส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก”
ทั้งนี้ ออมสิน ได้คาดการณ์แนวโน้มในระยะต่อไปหลังโควิด-19 คลี่คลาย ดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น ดังนั้น ในการออกมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับรายย่อย จึงออกแบบอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ เพื่อดูแลไม่ให้ผู้กู้ได้รับผลกระทบจากภาระดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารออมสินให้จะประมาณ 3.99-4.99% ต่อปี
นายวิทัยกล่าวต่อว่า ในปี 2565 ธนาคารยังเดินหน้าพัฒนาการปล่อยสินเชื่อผ่านระบบดิจิทัล (Digital Lending) หลังจากปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการนำร่องปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อฉุกเฉินผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ซึ่งสามารถปล่อยกู้ได้แล้วกว่า 1.5 ล้านคน และยังเปิดให้ SME เข้ายื่นขอปรับโครงสร้างหนี้ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ได้ด้วย ซึ่งในปีนี้ จะขยายการปล่อยสินเชื่อปกติให้กับลูกค้ารายย่อยทั่วไป โดยจะเร่งเชื่อมระบบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ (Alternative Data) เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้ารายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยมีประวัติการกู้มาก่อน.