การออกระเบียบ ควบคุมการโฆษณาการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี หรือเงินดิจิทัล เพื่อไม่ได้เกิดความเข้าใจผิดในการลงทุน สุดท้ายจะกลายเป็นช่องทางการหลอกลวงต้มตุ๋นของมิจฉาชีพที่หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ความผันผวนและความไม่แน่นอนของมูลค่า เงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี รวมทั้งขอบข่ายกฎเกณฑ์ที่ยังไม่เป็นสากล อยู่ในความนิยมของคนบางกลุ่มเท่านั้น แต่ด้วยมูลค่าที่ล่อตาล่อใจทำให้เกิดความสนใจธุรกิจประเภทนี้มากขึ้น มีการจูงใจให้มีการลงทุนในลักษณะของขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่ทาง ออนไลน์ มากขึ้นทุกวัน แพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซี ที่มีความเสี่ยงในลักษณะของความเป็นรูปธรรม หรือกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศที่กำหนดเอาไว้ก็มีความแตกต่างกัน พื้นฐานทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็มีส่วนสำคัญ
บ้านเรายังไม่เห็นกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเช่นกัน การรับประกันความเสี่ยงของนักลงทุน คืออะไร รู้แต่เพียงว่า กระทรวงการคลังที่มี อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เตรียมเก็บภาษีการลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ หรือมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า แบงก์ชาติเตรียมออกเงินดิจิทัล เป็นของตัวเอง ในขณะที่การซื้อขาย คริปโต มีความเสี่ยงสูงมาก
วิเคราะห์จากมูลค่าของบิตคอยน์ที่ลดลงมา ประมาณร้อยละ 40 จากมูลค่าเกือบ 7 หมื่นดอลลาร์ ต่อ 1 บิตคอยน์ หากยังไม่มีความชัดเจนและการขาดประสบการณ์ของนักลงทุน อาจนำไปสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจในอนาคตได้
ยกตัวอย่าง เรื่องการขายตรง การขายออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก ในที่สุดแล้วกลายเป็นปัญหาของนักลงทุนรายย่อยที่ขาดความรู้
ความเข้าใจและทักษะในการจัดการ ตกเป็นเหยื่อของเทรนเนอร์ และมิจฉาชีพที่อาศัยความโลภ หลอกลวงให้ชาวบ้านหมดเนื้อหมดตัวมาเยอะแล้ว
การประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับธุรกิจเงินดิจิทัล ที่เป็นของใหม่สำหรับคนทั่วไป จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการออกกฎหมายมาควบคุมให้ชัดเจนไม่ใช่ปล่อยไปตามกระแส จนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นโดยรวม
บ้านเราเคยเสียค่าโง่มาเยอะ ยุคหนึ่ง เราต้องเจอกับวิกฤติการโจมตีค่าเงินบาท จนต้องลดค่าเงินบาท ยุคหนึ่ง เรากู้เงินจากต่างประเทศด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำมาลงทุนกันสนุกสนาน ในที่สุด เศรษฐกิจบ้านเรากลายเป็นฟองสบู่ ธุรกิจการเงินล้มละลาย เสียหายอย่างมหาศาล
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ได้รับรายงานจาก บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ที่มีข้อพิพาทกับ รัฐบาลไทย กรณีการปิดเหมืองทองคำชาตรี ที่ดำเนินการ โดยบริษัทอัครา ไมเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ คิงส์เกต รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สมัยที่เข้ามาโดยการยึดอำนาจได้สั่งปิดเหมืองทองคำดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายและ คิงส์เกตได้ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนประมาณ 25,000 ล้านบาท จะเรียกว่าเป็นค่าโง่ก็ได้
เรื่องถึงอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และเราทำท่าจะแพ้ รัฐบาลเลยต้องมีการไกล่เกลี่ย โดยการยกประทานบัตรให้อัครา
จำนวน 4 แปลง ซึ่งคิงส์เกตระบุว่าได้มีการขอต่อใบอนุญาตแปรรูปโลหกรรมเรียบร้อยแล้วด้วย สามารถที่จะทำเหมืองแร่ทองคำในบ้านเราได้อีก 10 ปี
เป็นอุทาหรณ์สำหรับการบริหารประเทศกับค่าโง่ที่คนไทยต้องรับกรรมไปด้วย.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th